ด้านจังหวัดนราธิวาส นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส นำคณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และพสกนิกรชาวจังหวัดนราธิวาสทุกหมู่เหล่า ร่วมถวายน้ำสรงพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อแสดงความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสิริกาญจนทักษิณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยพิธีเป็นไปอย่างสงบ สง่างาม และเปี่ยมไปด้วยความอาลัย




นางสุวคนธ์ อนุกูลพันธ์ ที่ปรึกษาเหล่ากาชาด จ.นราธิวาส กล่าวแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ว่า ตนเริ่มทำงานกับเหล่ากาชาด มาตั้งแต่ปี 2518 รวมเวลาประมาณ 50 ปี เคยมีโอกาสตามเสด็จพระองค์ท่านเมื่อครั้งเสด็จมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเห็นด้วยตาตัวเองว่า พระองค์ทรงท่าน มีพระเมตตาต่อพสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ทรงงานหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน
“พระองค์มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ที่จะช่วยส่งเสริมอาชีพต่างๆ เพื่อใช้เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงตัวเอง พระองค์ทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของพระองค์ท่านให้มีความสุข ที่ทำงานตรงนี้ ก็รู้สึกว่าจะได้ทำงานช่วยเหลือพระองค์ท่านทางหนึ่ง ก็เลยเข้ามาช่วยทำงานของสภากาชาดไทย ซึ่งท่านเป็นองค์สภานายิกาสภากาชาดไทยอยู่ ก็นึกว่าเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณทางหนึ่งด้วย”

ด้าน นางสาวธนัฏฐา ตูแวมะ เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์เด็กชายนราธิวาส กล่าวว่า การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย พวกเราชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างรู้สึกโศกเศร้าอาลัยเป็นอย่างยิ่ง จึงมาร่วมน้อมรำลึกและลงนามแสดงความอาลัยที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้












ด้านจังหวัดลำปาง ร.อ.สัญญา พุ่มพฤษ์ หัวหน้าชุดปฎิษัติการโครงการพัฒนาบ้านแม่ต๋ำ นำสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ และกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 1 ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง




โดย นางนุวดี เสาแบน อายุ 57 ปี สมาชิกศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ เปิดเผยว่า เคยเข้าเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตอนที่พระองค์เสด็จมาที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ หลายครั้ง ทำให้ตนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มอบชีวิตใหม่ให้กับชาวบ้าน หลังจากพระองค์จัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ ขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ มีงานทำ จนมีรายได้ไปจุนเจือครอบครัว ตนรู้สึกเสียใจมากที่หากไม่มีพระองค์มาช่วยเหลือ ก็ยังไม่รู้ว่าตนจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
“ตอนนั้นพวกเราไม่มีงานทำ ทำไร่ ทำนา ทำป่าเลื่อนลอย ที่เป็นพ่อบ้านก็มีบางส่วนที่ไปตัดไม้ทำลายป่า แต่พอพระองค์ท่านทรงให้งานพวกเรามา พวกเราก็ตั้งใจทำงานศิลปาชีพ แล้วก็ไม่ทำงานตัดไม้ทำลายป่า รักษาป่าค่ะ พวกเรามีงานทำแล้วก็มีรายได้ที่ดีขึ้น มีงานประจำค่ะ ทำให้มีอาชีพแล้วก็ส่งเสียลูกหลานให้เรียนในระดับที่สูงขึ้นไป รู้สึกปราบปลื้มค่ะ เพราะว่าพระองค์ท่านทรงใจดี แล้วก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีค่ะ”

นางนุวดี บอกอีกว่า คนและชาวบ้านแม่ต่ำ เหมือนได้รับชีวิตใหม่ หลัง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้จัดตั้ง ศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ ขึ้นมา ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจมากที่พระองค์เสด็จสวรรคต โดยหลังจากนี้ตนจะตั้งใจสืบสานงานศิลปาชีพตามปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ต่อไป
สำหรับ ศูนย์ศิลปาชีพบ้านแม่ต๋ำ ถูกจัดตั้งขึ้นหลัง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรบ้านเหล่ายาว หมู่ 4 ต.เสริมกลาง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2527 โดย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบจาก พระครูโสภณคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอเสริมงาม ว่าที่หมู่บ้านแม่ต๋ำ มีราษฎรยากจนมาก ไม่มีอาชีพที่แน่นอน เพราะลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา ทำให้มีพื้นที่ทำกินน้อย ราษฎรจึงดำรงชีพด้วยการรับจ้างตัดไม้ เลื่อยไม้ ล่าสัตว์ และหาของป่าขาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงเสด็จไปทอดพระเนตรสภาพหมู่บ้านแม่ต๋ำ และทรงเยี่ยมราษฎร
หลังจากนั้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นต่อราษฎรบ้านแม่ต๋ำ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งให้ ท่านผู้หญิง สุประภาดา เกษมสันต์ราชเลขานุการในพระองค์ ตรวจสภาพพื้นที่อย่างละเอียด และทรงโปรดฯ ให้นำโครงการศิลปาชีพพิเศษ มาช่วยเหลือราษฎรบ้านแม่ต๋ำ เพื่อเสริมรายได้ และสร้างอาชีพสุจริตให้แก่ราษฎร
อย่างไรก็ตามแม้การจัดตั้งโครงการศิลปาชีพพิเศษบ้านแม่ต๋ำ จะดำเนินการตามพระราชประสงค์เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถขจัดปัญหาในภาพรวมทุกด้านให้หมดไปได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนาด้านอื่นควบคู่กันไป ไม่เช่นนั้นราษฎรบ้านแม่ต๋ำ จะขยายพื้นที่ทำกินด้วยการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพิ่มมากขึ้น กองศิลปาชีพ จึงจัดตั้งโครงการพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า “โครงการพัฒนาบ้านแม่ต๋ำ” เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2531 โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการดำเนินงานตามพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จะส่งเสริมพัฒนาอาชีพให้ราษฎรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนให้ราษฎรช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ส่งผลให้ปัจจุบันราษฎรมี 4 อาชีพหลัก คือ เครื่องปั้นดินเผา(เซรามิค), การจักสาน, การแกะสลักไม้ และการทอผ้า มาจนถึงทุกวันนี้

