“บันทึกเด็กหญิงวราภรณ์ ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนแรงบันดานใจจากเรื่องจริงของตัวเอง
พระองค์ท่านไม่เคยต้องออกสื่อหรือป่าวประกาศ เพราะพระองค์คิดเสมอประชาชนทุกหมู่เหล่า คือลูกๆของพระองค์
จดหมายฉบับเล็ก…ถึงพระเมตตาที่ไม่มีวันเลือน
เราเป็นเด็กพิการคนหนึ่งที่เกิดมาในครอบครัวค่อนข้างลำบากยากจนมีพ่อแม่ทำงานก่อสร้าง
แต่มีความฝันเพียงหนึ่งเดียว อยากเรียนหนังสือให้ได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของใคร
หลายคนบอกเราว่า “เพ้อฝัน” ไม่มีทางได้รับโอกาสนั้นหรอกแต่เรากลับเชื่อมั่นเสมอว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี คือกำลังใจของชีวิต
เราจึงตัดสินใจเขียนจดหมายกราบบังคมทูลถึงพระองค์ท่าน
ด้วยหัวใจที่ไม่รู้เลยว่าจะมีใครได้อ่านไหม
แต่เชื่อเพียงว่า ถ้าจดหมายฉบับนี้มีบุญถึงพระเนตรพระกรรณ พระองค์คงไม่ทอดทิ้งประชาชน
ไม่นานหลังจากนั้น เราได้รับจดหมายตอบกลับจาก “สำนักพระราชวัง”
ลงนามโดย “สำนักราชเลขาธิการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ”
เป็นจดหมายที่เปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของเรา
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เราระบุได้เลยว่า “อยากเรียนที่ไหน เรียนอะไร เรียนกี่ปี”
และพระราชทาน ทุนการศึกษา ให้เราได้เรียนต่อ
ความตื้นตันใจในวันนั้นไม่มีคำใดจะบรรยายได้
มันคือวันที่เราได้รู้ว่า พระองค์ท่านทรงเห็นเราแล้วจริง ๆ
และนี่ก็สะท้อนให้เราเห็นชัดเจนว่า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนเลย
ไม่ว่าประชาชนจะเกิดมาเป็นแบบไหน หรือมีข้อจำกัดอย่างไร
พระองค์ไม่เคยเลือกประชาชน แต่ทรงเมตตาทุกคนเท่าเทียมกัน
ตั้งแต่นั้นมา เราสัญญากับตัวเองว่า
สิ่งเดียวที่เราจะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณได้
คือ ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด
เรียนให้สมกับที่พระองค์ทรงให้โอกาส
ไม่ขาดเรียนแม้วันที่ป่วย เว้นแต่ร่างกายไม่ไหวจริง ๆ
เราส่งรายงานผลการเรียนไปยังสำนักพระราชวังทุกภาคเรียน
และทุกครั้งที่มีจดหมายตอบกลับ ก็เต็มไปด้วยกำลังใจจากพระองค์
พระองค์ตรัสผ่านเจ้าหน้าที่ว่า
“ตั้งใจเรียนเท่าที่ทำได้ ไม่ต้องกดดันตัวเองมาก หากมีปัญหาหรือติดอะไรให้แจ้งได้เลยไม่ต้องกังวลหรือเกรงใจ”
ในวันที่เราป่วยจนเกรดตกเล็กน้อย
เรารายงานไป และคำตอบกลับจากพระองค์ก็อ่อนโยนยิ่งนัก
พระเมตตานั้นทำให้เราลุกขึ้นสู้ต่อ และผลการเรียนก็ดีขึ้นอีกครั้ง
จนกระทั่งถึงวันที่เรากำลังเรียนปีสอง
ข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาถึง
เราร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากทำอะไรเลย
เพราะในใจของเราฝันไว้เสมอว่า อยากเรียนจบด้วยเกียรตินิยมถวายแด่พระองค์ เราท้อและเศร้าเสียใจมากๆ
แต่เมื่อมองดูประชาชนทั้งแผ่นดินที่ยังมี “หัวใจของพ่อ” อยู่ในใจ
เราจึงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกำลังใจจาก “แม่หลวง” ที่ยังคงอยู่
และในที่สุด…เราก็ทำได้จริง ๆ
เราจบปริญญาตรี พร้อม เกียรตินิยมอันดับสอง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เกียรตินิยมเพราะเราหารายชื่อไม่เจอ
ช่วงนั้นอาจจะเริ่มสายตาสั้นแล้ว แต่คนที่เห็นคือ แม่ของเรา
แม่เห็นชื่อเราในใบทานสคริป แม่ร้องไห้ด้วยความภูมิใจ เพราะเราทำสำเร็จ ด้วยเกียรตินิยมอย่างที่ตั้งใจ ถวายปริญญานี้แด่พระองค์ท่าน
เมื่อถึงวันรับพระราชทานปริญญาบัตร
เรารู้สึกกังวลมาก แต่พระเมตตาก็ยังคงอยู่
เราได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา (พระองค์ภา) พระองค์ผู้พระราชทานปริญญาบัตรตรัสว่า
“ให้เดินเข้าไปรับได้เลย ไม่ต้องกังวล และยิ้มให้พระองค์ได้ด้วย” ไม่ใช่แค่เพราะเราได้ “รับพระราชทานปริญญาบัตร”
แต่เพราะ เราได้เดินเข้าไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญูและศรัทธาในพระเมตตาของพระองค์ท่าน
หลังจากนั้น เราได้เข้าทำงานที่ธนาคาร
อาชีพมั่นคงที่เราใฝ่ฝัน ทั้งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้
ทุกอย่างนี้ล้วนเกิดจากพระเมตตาและพระกรุณาของพระองค์ทุกพระองค์
ที่ทรงเปิดประตูชีวิตให้เด็กพิการคนหนึ่งมีวันนี้ได้เพราะคำว่าการศึกษาและพระเมตตา
อาชีพมั่นคงและสิ่งที่เราใฝ่ฝัน มันไม่ใช่เพียงความสำเร็จทางชีวิตเท่านั้น แต่เป็น หลักฐานของพลังแห่งความดี ความพยายาม และพระมหากรุณาธิคุณที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนคนหนึ่งจนเติบโตให้งดงามได้ด้วยพระเมตตา
มาถึงวันนี้ วันที่เราไม่อยากได้ยินหรือให้เกิดขึ้นจริงเลยแม้แค่ความฝันก็ไม่อยากให้เกิด วันที่ทราบข่าวจากทุกสำนัก พระพันปีหลวงจะเสด็จสวรรคต😢
เราหันไปดูหน้าซองจดหมายเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกต่างจากทุกครั้งมากๆ
เรามองดูจ่าหน้าซองจดหมายจาก
“กองราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ” ซึ่งเป็นพระนามของ แม่ ผู้ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา
ความซาบซึ้งนั้นยังคงเหมือนวันแรก
ไม่มีพระเมตตาที่ใดในโลกจะเทียบเทียมได้เลย
พระมหากรุณาธิคุณนี้จะสถิตอยู่ในหัวใจของเรา
ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ และจะส่งต่อแรงบันดาลใจนี้
ให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า
“เมื่อเราทำดีและไม่ยอมแพ้ ความดีนั้นจะพาเราไปถึงแสงแห่งความหวังเสมอ”
ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความกตัญญู เราขอถวายความสำเร็จในชีวิตของเรา
ทั้งความรู้ ความเพียร และความตั้งใจเรียนทุกย่างก้าว
แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระพันปีหลวง
ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจและความหวังของลูกหลานประชาชนทุกคน
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ที่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ไม่เลือกใคร ไม่ว่าสภาพใด
ได้หล่อหลอมชีวิตของเราให้กล้าเผชิญโลกด้วยความมั่นใจและความดี
ให้เราได้มีโอกาสเรียนจบ มีอาชีพมั่นคง และเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ถ้าไม่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ ก็คงไม่มี #บัณฑิตจิ๋ว ในวันนี้
กราบแทบพระยุคลบาท น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
และขอถวาย กำลังใจและความปรารถนาดี แด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระราชินี ทั้ง พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
ขอพระองค์ทรงพระเจริญด้วยสวัสดิภาพและพระเกษมสำราญ
เพื่อเป็นกำลังใจให้สืบสานพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนทุกคน
เราขอสัญญาว่าจะถือเอาพระเมตตานี้เป็นหลักชัยของชีวิต
ตั้งใจทำความดี ตั้งใจให้เต็มกำลัง และแบ่งปันแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
เพื่อสืบทอดความดี ความศรัทธา และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ให้คงอยู่ในใจของเรา และของผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ตลอดไป”
