ห้ามพลาด! จากเด็กกำพร้ายากจน สู่ธุรกิจค้าของสะสม ทุ่มงบ 20 ล้าน เนรมิตผืนนาแห้งแล้ง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนววินเทจ

สุรินทร์-นักเซลฟี่ ห้ามพลาด! ยกเขาใหญ่มาให้แล้ว ที่บ้านสวน ณ หัสดิน เจ้าของธุรกิจค้าของสะสม ทุ่มงบ 20 ล้าน เนรมิตผืนนาแห้งแล้ง ให้เขียวชะอุ่ม พร้อมตีมย้อนยุคที่เด็กรุ่นใหม่ไม่เคยเห็น เผย เคยเป็นเด็กยากจนและกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก กัดฟันหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัย กลับมาสร้างคาเฟ่แนววินเทจ หวังเป็นที่รู้จัก กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจ้างงานในชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ไปด้วย

วันที่ 18 ก.ย. 2568 ที่บ้านสวน ณ หัสดิน หมู่บ้านไปรเวง ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ แหล่งกิน เที่ยว เซลฟี่สไตล์วินเทจ ผสมผสานธรรมชาติ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปไม่ถึง 10 กิโลเมตร โดยเจ้าของเป็นนักธุระกิจรับติดตั้งเครื่องล้างรถหยอดเหรียญและนักสะสมของเก่าโบราณ ที่ได้เนรมิตสร้างขึ้นได้เนรมิตผืนไร่นาอันแห้งแล้งขึ้นได้อย่างสวยงามและลงตัว ทั้งอาคารที่ใช้สังกะสีเก่าและไม่เก่าเป็นหลัก พร้อมทั้งจัดโซนบ้านสวน ท้องทุ่งนา ลำธารที่เป็นธรรมชาติ มีต้นไม้สวยงามนาๆพรรณ ให้ผู้ที่เข้ามาชมได้ถ่ายรูปเซลฟี่กันได้อย่างหนำใจทุกมุม เหมือนยกเขาใหญ่บางส่วนมาไว้ตรงนี้เลยก็ว่าได้ โดยบ้านสวน ณ หัสดิน ตอนนี้สร้างได้แค่ประมาณ 60 % แต่เจ้าของทนคำเรียกร้องจากคนส่วนใหญ่ไม่ไหว จึงได้เปิดให้เข้าชมก่อนกำหนด ในแต่ละวันจะมีสายกินสายเที่ยวเข้ามาตลอดทั้งวันไม่ขาดสายในช่วงนี้

 

โดยบ้านสวน ณ หัสดิน ใช้งบประมาณไปเกือบ 20 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ที่ได้เนรมิตผืนไร่นาอันแห้งแล้งให้เขียวชะอุ่ม สวยงามและลงตัว มี นาย ดวง จิรัฐติกร หรือ อ้น อายุเพียง 34 ปี เป็นเจ้าของ และยังมีธุรกิจจำหน่ายตู้ล้างรถหยอดเหรียญ ในราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นบาท

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งนายดวง ได้เปิดเผยว่า คำว่า หัสดิน ความหมายคือพญาช้างที่บินได้ สอดคล้องกับสุรินทร์ เป็นเมืองช้าง มีหมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดิมทีตนทำธุรกิจเกี่ยวกับของสะสม ของวินเทจ รับตกแต่งร้านแนววินเทจ เหมือนที่ชาวสุรินทร์ส่วนใหญ่ไปเห็นที่งานช้างสุรินทร์ ซึ่งตนเองเน้นขายของเก่าสะสมในออนไลน์ ตนจึงอยากทำตรงนี้ ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะทำคาเฟ่เลย แค่อยากทำสถานที่ให้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัว แต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ติดตามตน จะมองว่าตนนั้นทำเป็นคาเฟ่ ตนเองจึงตัดสินใจหันมาทำคาเฟ่ด้วยเลย โดยได้แบ่งส่วนที่เป็นคาเฟ่ อยู่ภายในอาคารหลังใหญ่ที่แบ่งโซนได้อย่างลงตัว มีทั้งคาเฟ่ ห้องรับรองลูกค้า(มีแอร์) ร้านโชว์ห่วยเก่า โรงรับจำนำเก่า และโซนนั่งรับประทานอาหารสไตล์วินเทจ

 

ซึ่งบ้านสวน ณ หัสดิน ใช้งบลงทุนไปเกือบ 20 ล้าน เนรมิตทุ่งนาแห้งแล้งกลายเป็นเขาใหญ่ขนาดย่อม หลักๆจะเป็นตีมย้อนยุค มีพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ ในทุกตารางนิ้ว ตนจะออกแบบเองทั้งหมด สามารถเดินถ่ายรูปได้ทุกที่ อย่างโซนด้านหน้าก็จะเป็นแนวเขาใหญ่ มีโซนลำธารเนรมิตให้เหมือนทำชาติให้มากที่สุด โซนท้องทุ่งนาสะพานไม้ อนาคตจะทำในส่วนของลานกางเต็นท์ เป็นลานกว้างเพื่อให้คนทำกิจกรรมได้ ส่วนใหญ่แล้วตนจะเน้นคำว่ากิจกรรมของครอบครัวมากกว่า ตนให้พื้นที่เหมือนเป็นที่สาธารณะได้เลย เข้ามาไม่ซื้อไม่เป็นไร

 

นาย อ้น กล่าวต่ออีกว่า ตนเองเรียนจบสาขาภูมิทัศน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เป็นคนชอบต้นไม้ ชอบธรรมชาติ ซึ่งตนได้ดูแลต้นไม้ใบหญ้าให้เขียวชะอุ่มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะเป็นฤดูแล้งก็ตาม ซึ่งได้ปรับสถานที่จากผืนนาแห้งแล้ง ให้มีลำธานโดยรอบให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ตนพยายามทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นที่รู้จักของผู้คน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว ก่อให้เกิดรายได้ และเกิดการจ้างงานภายในชุมชน ซึ่งตอนนี้ตนมีพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่กว่าร้อยชีวิต และยังเป็นการพัฒนาชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

นาย อ้น เป็นเด็กกำพร้า อยู่กับตา-ยาย มาตั้งแต่เด็ก แม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนเองอายุได้ 7 ขวบ ส่วนพ่อนั้น ตนไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย ซึ่งครอบครัวมีฐานะยากจนมาก โดยตอนนั้นตนอายุเพียงแค่ 10 ขวบกว่าๆ ก็สูญเสีย ตากับยายไป ตนรู้สึกอ้างว้างมาก มีความรู้สึกว่า ไม่อยากจะเป็นคนยากจนเลย มันลำบากมามากแล้ว จึงตัดสินใจปรึกษาญาติ ได้อาชีพปั่นจักรยานขายมะพร้าวเผาภายในชุมชน โดยปีนเก็บเอง เผาเอง ซึ่งตอนนั้น ตนเองมีความโชคดีที่ชาวบ้านทุกคน เอ็นดูตน ปั่นจักรยานขายของส่งตัวเองเรียน จนเรียนจบ ม.3 แต่ไม่ได้เรียนต่อเพราะไม่มีเงิน แต่ก็ยังปั่นจักรยานขายมะพร้าวเผาอยู่ และเริ่มเกเรอยู่ช่วงหนึ่ง จึงคิดได้ว่า สุดท้ายแล้วตนก็คิดได้ว่า อยากจะมีเหมือนเพื่อน อยากเรียนเหมือนเพื่อน จึงตัดสินใจเดินทางไปพบคุณครูที่รู้จัก ให้ช่วยหาวิธีทางที่จะเรียนต่อ จนได้เรียนต่อ กศน.จนจบ ม.6 ซึ่งช่วงนั้นตนเริ่มรู้จักเครื่องหนังและชอบ จึงได้หยิบยืมเงินเพื่อน จับเครื่องหนังมาขายต่อ ปรากฏว่า มันขายได้ มีกำไร จึงเริ่มต้นธุรกิจซื้อขายเครื่องหนัง และได้เข้าไปสมัครเรียนที่ ม.ราชมงคลฯสุรินทร์ กับเพื่อน ตนเห็นสาขาภูมิทัศน์มีต้นไม้สวยดี

จึงเข้าไปปรึกษาอาจารย์ในสาขา และได้เข้าเรียน และได้เข้าไปพบผู้บริหาร เรื่องทุนการศึกษา จนเรียนจบออกมา ขอขอบคุณทางคณาจารย์และสถาบัน ที่ช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษา ไม่ว่าจะทุนมหาลัย และทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา จนทำให้ตนมีวันนี้ ซึ่งขณะกำลังเล่าเรียน ตนได้เริ่มจับธุรกิจค้าของสะสมแล้ว พอมีทุน ก็ไปต่อรถซาเล้ง(จักรยานยนต์พ่วงข้าง) บรรทุกของสะสมไปวางขายตามตลาดนัด ตามคลองถม ในช่วงหลังเลิกเรียนไปด้วย เวลาเดินทางมาเรียนก็ขับรถซาเล้งคู่ในมาเรียนด้วย จนจบการศึกษาได้ทำธุรกิจค้าของสะสมแบบเต็มตัวดังกล่าว.

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ-ข่าว กฤษดากร กีรติธำรงค์เจริญ ผู้สื่อข่าวTOPNEWSทั่วไทย จ.สุรินทร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สมาคมกีฬาภูเก็ตจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2568
ผนึกกำลังตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ลุยดูแลนักท่องเที่ยวเข้มทุกมุมเมือง
เฒ่า3นิ้วเงิบ "ศาลปกครอง" ยกฟ้อง "สุชาติ" ขอเพิกถอนคำสั่งวธ.ให้พ้นศิลปินแห่งชาติ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ความต้องการทองคำจีนพุ่งแรง รับฤดูกาลขายสูงสุด .
กำลังใจเต็มเปี่ยม พรุ่งนี้ "พี่ปอง อัญชะลี" ฟังพิพากษาศาลฎีกาคดีบุกช่อง NBT "น้าเดช-พี่ดี้ นิติพงษ์" ส่งความปรารถนาดี ขอให้น้องได้รับความยุติธรรม
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเปิดหอจัดแสดงอาวุธที่จูไห่อย่างเป็นทางการ .

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​