“สภากทม.” ถกเดือด จี้ “ชัชชาติ” เร่งเคลียร์หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ส่วนที่ 2 กว่า 3 หมื่นล้าน ชี้ยิ่งยื้อดอกเบี้ยสะสมเพิ่ม เสี่ยงกระทบเสถียรภาพการเงิน

"สภากทม." ถกเดือด จี้ "ชัชชาติ" เร่งเคลียร์หนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ส่วนที่ 2 กว่า 3 หมื่นล้าน ชี้ยิ่งยื้อดอกเบี้ยสะสมเพิ่ม เสี่ยงกระทบเสถียรภาพการเงิน

ยังเป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้บริหารกทม. หลังจาก นายนภาพล จีระกุล สก.บางกอกน้อย. ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้นำประเด็นดังกล่าวหารือในสภากทม.เกี่ยวกับมูลหนี้ที่ กทม. และ บริษัทกรุงเทพธนาคม ค้างชำระค่าจ้างบริการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ที่ 1 และ 2 รวมถึง ค่าซ่อมบำรุงที่ 1 และ 2 กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC
ทั้งหมด 3 ส่วน แบ่งเป็นส่วนที่ 1 หนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงปี 2564 – 2565 ซึ่ง BTSC ดำเนินการฟ้องศาลปกครองกลาง กระทั่งต่อศาลปกคองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้ กทม.และ บริษัทกรุงเทพธนาคม ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ให้แก่ BTSC เป็นจำนวนเงินกว่า 11,755 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา MLR ของธนาคารกรุงไทยบวก 1% ต่อปี นับแต่วันที่ฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระหนี้ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

และทางด้าน กทม.และ บริษัทกรุงเทพธนาคม ได้ชำระหนี้ค่าจ้างติดตั้งงานระบบเดินรถ (ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล หรือ E&M) โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 2 ช่วงแบริ่ง – เคหะสมุทรปราการ และ ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต จำนวนเงิน 23,000 ล้านบาท และหนี้ที่เกิดจากการฟ้องค่าจ้างให้บริการเดินรถไฟฟ้า ค่าซ่อมบำรุง (O&M) ครั้งที่ 1 ส่วนต่อขยาย 1 ช่วงอ่อนนุช – แบริ่งและช่วงสะพานตากสิน – บางหว้า (เดินรถช่วง พ.ค. 62-พ.ค. 64) และส่วนต่อขยาย 2 ช่วงแบริ่ง – เคหะสมุทรปราการและช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต (เดินรถช่วง เม.ย. 2560-พ.ค. 2564) อีกจำนวนเงิน 14,476 ล้านบาท ให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC แล้ว

อย่างไก็ตามภายใต้สัญญาเดิม BTSC ยังได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ร้องขอให้กทม. และ บริษักรุงเทพธนาคม ชำระค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า ส่วนที่ 2 ( ช่วงมิถุนายน 2564 – ตุลาคม 2565) มูลค่ารวม 12,245 ล้านบาท แยกเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวนเงินต้น 2,279 ล้านบาท ดอกเบี้ย 501 ล้านบาท และ ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวนเงินต้น 7,848 ล้านบาท และ ดอกเบี้ย 1,617 ล้านบาท รวมถึง ค่าจ้างบริการเดินรถไฟฟ้า (ช่วงพฤศจิกายน 2565 – ธันวาคม 2567) อีก 17,121 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวนเงินต้น 3,242 ล้านบาท ดอกเบี้ย 274 ล้านบาท , ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวนเงินต้น 12,615 ล้านบาท ดอกเบี้ย 990 ล้านบาท

ขณะที่ประมาณการทั้งปี 2568 (มกราคม – ธันวาคม) กทม.และบริษัทกรุงเทพธนาคม มีมูลหนี้ที่ต้องชำระให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC อีกจำนวน 8,361 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,612 ล้านบาท และส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 6,149 ล้านบาท รวมภาระหนี้ทั้งหมดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูง สำหรับ าจ้างเดินรถไฟฟ้า ส่วนที่ 2 สูงถึง 31,522.8 ล้านบาท

โดย นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เขตบางกอกน้อย ได้เคยเสนอให้ ผู้บริหารกทม. ดำเนินการเร่งรัดจ่ายหนี้ ค่าจ้างให้บริการเดินรถไฟฟ้า ค่าซ่อมบำรุง (O&M) โดยเร็ว เนื่องจาก ค่าจ่างเดินรถและค่าซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า ตั้งแต่ กทม.เข้ามาดำเนินการ มีหนี้ที่ค้างชำระค่อนข้างมาก และถึงจะมีการจ่ายบางส่วนไปแล้ว แต่ด้วยแนวทางคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เชื่อได้ว่าจะเป็นไปตามเดิม ในการสั่งให้ กทม. และ บริษัทกรุงเทพมหานคร ต้องชำระหนี้ตามสัญญาที่มีการตกลงกันไว้ เพราะปัจจุบันจำนวนภาระดอกเบี้ยที่กทม.ต้องแบกรับสูงเพิ่มขึ้นถึงวันละ 5.4 ล้าน

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) โดยมีนายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม นางกนกนุช กลิ่นสังข์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตดอนเมือง ในฐานะกรรมการวิสามัญศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว (บางส่วน) ได้รายงานผลการศึกษาของรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมการฯ ถึงปัญหาของโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 โดยรายงานระบุว่า กทม. มีภาระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ค้างชำระจำนวนมาก

แยกเป็นช่วงฟ้องครั้งที่ 2 (มิถุนายน 2564 – ตุลาคม 2565) กทม. ต้องจ่ายรวม 12,245 ล้านบาทโดยส่วนต่อขยายที่ 1 เป็นเงินต้น 2,279 ล้านบาท ดอกเบี้ย 501 ล้านบาท ส่วนต่อขยายที่ 2 เป็นเงินต้น 7,848 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1,617 ล้านบาท

ช่วงพฤศจิกายน 2565 – ธันวาคม 2567 ต้องชำระเพิ่มรวม 17,121 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 เงินต้น 3,242 ล้านบาท ดอกเบี้ย 274 ล้านบาทส่วนต่อขยายที่ 2 เงินต้น 12,615 ล้านบาท ดอกเบี้ย 990 ล้านบาท

ขณะที่ประมาณการปี 2568 ทั้งปี (มกราคม – ธันวาคม) ต้องชำระอีก 8,361 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,612 ล้านบาทและส่วนต่อขยายที่ 2 อีก 6,149 ล้านบาท

รวมภาระหนี้ทั้งหมดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูงถึง 31,522.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อเสถียรภาพการเงินของ กทม.

 

และถึงแม้กทม. จะมอบหมายให้กรุงเทพธนาคมเจรจากับ บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) แล้ว 4 ครั้ง โดยเสนอแนวทางชำระหนี้ตาม “ต้นทุนจริง” ซึ่งต่ำกว่าสัญญา 18% แต่การเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะ BTSC ไม่ยอมรับข้อเสนอ โดยผลสรุปการเจรจามี 4 ทางเลือก เช่น ขอให้ถอนฟ้อง , แลกกับการชำระหนี้ หรือหากไม่ยอม ต้องไปหาข้อยุติที่ศาลปกครองกลาง รวมถึงการขอให้ลดดอกเบี้ย แต่หากไม่ยอม กทม. จะจ่ายเฉพาะต้นทุนก่อน

ด้าน BTSC เสนอให้ กทม. ชำระหนี้ให้ตรงตามกำหนดภายใน ตุลาคม 2568 ครบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อยุติปัญหาความซ้ำซ้อนทางการเงิน ส่วนกรณีหากเงินงบประมาณไม่พอ ต้องนำไปตัดดอกเบี้ยค้างก่อน แล้วจึงมาดำเนินการทำข้อตกลงร่วมในการพิจารณาตัดเงินต้น แต่หากผิดนัดชำระ อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้น กลับไปใช้อัตรา MLR+1% เช่นเดียวกับในคดีแรก

 

 

ทั้งนี้คณะกรรมการวิสามัญฯ มีความเห็นว่า ดอกเบี้ยที่พอกพูนจะยิ่งซ้ำเติมภาระการเงินของกทม.ให้หนักขึ้น พร้อมชี้ว่าคดีในศาลปกครองกลางมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกับคดีแรก ซึ่งเคยมีคำพิพากษาให้ BTSC ชนะ และได้รับสิทธิ์ชำระหนี้ ดังนั้น จึงเสนอให้ฝ่ายบริหารเร่งดำเนินการเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงภาระดอกเบี้ยบานปลาย และรักษาผลประโยชน์สูงสุดแก่ กทม.

ทางด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่ารับทราบรายงานแล้ว และพร้อมเตรียมตรวจสอบเงินสะสมจ่ายขาดและเงื่อนไขทางกฎหมายทั้งหมดพร้อมเร่งหาข้อยุติ โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 30 วัน ก่อนนำกลับมารายงานต่อที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครต่อไป

ขณะที่ นายนภาพล จีระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว (บางส่วน) กล่าวขอบคุณสภาที่มอบหมายให้ทำการศึกษาและหาทางแก้ไขย้ำว่าจุดมุ่งหมายสูงสุด คือให้ กทม. และประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กองทัพบก" เผยเปิดด่านไทย-กัมพูชา ยังไม่ชัด! ต้องพิจารณาหลายมิติ
ผู้ว่าประจวบมอบใบประกาศผู้ผ่านหลักสูตรฝึกอาชีพผู้ต้องขัง โครงการ"โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง"
สายทางใหม่ อำนวยความสะดวกผู้สัญจร
พ่อเมืองสุโขทัย ห่วงวัดพลายชุมพล จมน้ำ มอบรองผู้ว่าฯ ถวายถุงยังชีพภิกษุ-สามเณร
ชาวบ้านรวมตัวประท้วง ร้องหาบิ๊กเต่า ขับไล่เจ้าอาวาส ปมไม่โปร่งใสจัดการผลประโยชน์วัด
"ราเมศ"แย้ม "ชวน" หนุน "อภิสิทธิ์" กางข้อบังคับพรรคเปิดช่อง กลับนั่งคุมทัพประชาธิปัตย์ได้

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​