“แม่ทัพภาคที่ 1” ลั่นป้องชาติด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี ยันปิดด่านสระแก้วได้ผล ตัดทอนเงินแก๊งอาชญากรรม “สแกมเมอร์”

แม่ทัพภาค 1 เปิดใจครั้งแรก แจงยิบใช้หลัก 3 ยุทธ ในพื้นที่ทัพภาค 1 ช่วงรบไทย-กัมพูชา ยัน คำนึงถึงศักดิ์ศรีและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพภาคหนึ่ง ต่อมาแม่ทัพภาคทึ่ 1 ชี้กองทัพภาคที่ 1 ใช้มาตรการปิดด่านเข้มข้น ก่อนเหตุปะทะชายแดน ขอประชาชนเชื่อมั่น ที่ผ่านมาช่วยสนับสนุนการรบภาค 2

“แม่ทัพภาคที่ 1” ลั่นป้องชาติด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี ยันปิดด่านสระแก้วได้ผล ตัดทอนเงินแก๊งอาชญากรรม “สแกมเมอร์” – Top News รายงาน

 

แม่ทัพภาคทึ่ 1

 

 

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ ร.12 พัน.3 ผู้สื่อข่าวรายงานหลังแถลงผลการประชุม RBC พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจงปมต่างๆ ที่เป็นประเด็นข่าว 4 ประเด็น โดยยืนยันว่า กองทัพภาคที่ 1 ใช้แผนที่ 1:50,000 เช่นเดียวกับกองทัพภาคที่ 2 แต่ลักษณะพื้นที่มีความแตกต่างกัน เพราะกองทัพภาคที่ 2 มีลักษณะภูมิประเทศเด่นชัด เป็นแนวเทือกเขาพนมดงรัก บางจุดมีหน้าผาชัดเจนเป็นป่าเขา ต่างกับพื้นที่ภาคที่ 1 ซึ่งเต็มไปด้วยชุมชนขนาดใหญ่ของทั้งสองฝั่ง ลักษณะดินต่อดิน ยกเว้นบางช่วงที่อาจเป็นแนวคลอง ได้แก่ คลองลึก ยืนยันว่าตลอดแนวหลักเขตตั้งแต่ 28-51 กำลังพลกองทัพภาคที่ 1 สามารถดูแลได้ทั้งหมด พร้อมได้ภาพสดจากกล้องและโดรน เพื่อให้สื่อมวลชนได้เห็นถึงกำลังพลที่รักษาหลักเขตทั้งหมด

พลโท อมฤต ยอมรับว่า ยังมีบางหลักเขตที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมรับ จึงเป็นที่มาของเอ็มโอยู 43 ที่ทำไว้ระหว่างรัฐบาล ได้รับความยินยอมจากทั้งสองประเทศตรงกันว่า ในจุดที่ตกลงไม่ได้จะไม่มีการเข้าไปเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้เกิดขึ้น อีกทัังปัจจุบันเรามีเครื่องมือที่ทันสมัย ชัดเจน แม่นยำ โปร่งใส เป็นที่ยอมรับของทั้งสองประเทศ สำหรับขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นระดับนโยบายที่เราจะทำต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับการปฎิบัติในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 สถานการณ์ความตึงเครียดเกิดในพื้นที่ภาคที่ 2 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 68 มีการยั่วยุมาตลอด ตั้งแต่การร้องเพลงชาติที่ประสาทตาเมืองธม เหตุการณ์ที่ช่องบก และการวางระเบิด เหตุการณ์ความรุนแรงยกระดับมากยิ่งขึ้น จนมีการปฏิบัติการทางทหาร วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายมีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ ซึ่งในส่วนกองทัพภาคที่ 1 มีการเคลื่อนย้ายกำลังครบทุกหน่วย ภายในวันที่ 25 กรกฎาคม และเข้าปฏิบัติพื้นที่เป้าหมายในช่วงเช้า วันที่ 26 กรกฎาคม เสร็จสิ้น โดยไม่มีการโต้ตอบจากฝ่ายตรงข้าม เป็นเพราะกำลังรบของฝ่ายไทยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีกำลังรบสูงกว่าฝ่ายกัมพูชา นอกจากนี้สิ่งที่คำนึงถึงตลอดคือ หากมีการเปิดพื้นที่รบเพิ่มจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ก็จะกลายเป็นการประกาศสงคราม และหากเป็นสงคราม จะมีความวุ่นวายตามมาอีกมากมาย ทั้งการระดมสรรพกำลัง การควบคุมต่างๆ ที่สำคัญคือประชาชนจะเดือดร้อนหมด เช่นในพื้นที่ภาคอีสานที่มีการอพยพประชาชนนับ 100,000 คน แต่ในพื้นที่ภาคตะวันออกมีการเตรียมและอพยพแต่ไม่มากเท่า เพราะเราได้คำนึงตลอดถึงความเดือดร้อนของประชาชน ในส่วนนี้ประชาชนที่อยู่ตอนในหรือคนในกรุงเทพฯ อาจไม่เข้าใจ

“ยืนยันว่า การปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 1 ช่วยยับยั้งการไปเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2”

แม่ทัพภาคที่ 1 ยังกล่าวถึงการปฎิบัติต่อพื้นที่ บ้านหนองจาน ที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ ว่า ได้พยายามผลักดันถอนทหารกัมพูชาออกไป โดยไม่มีการปะทะ หลังจากนั้นจึงมีการวางแนวลวดหนามเพื่อควบคุมพื้นที่ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกลับเข้ามา ยืนยันว่าการวางแนวลวดหนามเป็นหลักการรบ ป้องกันตนเอง มิใช่หลักเขตแดนตามที่เป็นข่าว และบ้านหนองจาน ระหว่างหลักเขตที่ 46 และ 47 ไม่มีหมุดหลักเขต เป็นพื้นที่ราบ จึงวางลวดหนามเพื่อป้องกันตนเอง

นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ยังกล่าวถึงการรักษาด่านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ไม่เกี่ยวข้องกับจันทบุรีและตราด มีการปิดด่านก่อนที่จะมีสถานการณ์การสู้รบ ตามยุทธวิธีของ ศอ.ปชด. เป็นภารกิจปราบปรามยาเสพติด และสแกมเมอร์ การปฏิบัติการดังกล่าวถือเป็นการช่วยลดทอนขีดความสามารถ และปิดเส้นทางทางการเงินให้กับฝั่งกัมพูชา ทำให้ฝั่งกัมพูชาขาดกำลังบำรุง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแก๊งสแกม เมอร์ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวไทยและสร้างผลกระทบไปทั่วโลก ตนถือว่าการปฏิบัติในส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ นอกจากหลักยุทธการและยุทธวิธี ที่ได้คำนึง อย่างรอบคอบตลอดมาในการดำเนินการของกองทัพภาคที่ 1

“กองทัพภาคที่หนึ่งยืนยันศักดิ์ศรีการรักษาประชาธิปไตยและผลประโยชน์ของโทษของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนและทรัพย์สิน ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพภาคที่หนึ่ง”

 

พลโท อมฤต ยังเปิดเผยถึงกรณีการปิดด่านว่า การปิดด่านสระแก้ว กองท้พภาคที่ 1 รับผิดชอบด่านเฉพาะสระแก้ว ซึ่งทำมาก่อนแล้ว และได้มีการเสนอมาตรการเข้มงวด ก่อนที่จะเริ่มมีการขัดแย้ง ทำมาก่อนแล้ว

และที่ ปอยเปต จะมีกระบวนการสแกมเมอร์ หลอกเอาเงินจากเหยื่อผู้เสียหาย รายได้ส่วนใหญ่จะเป็นทุนสนับสนุนกองทัพกัมพูชา การปิดด่านช่วยให้เงินฝั่งนั้นลดน้อยไปมาก และช่วยประชาชนลดจากสแกมเมอร์ สื่อออนไลน์ลดน้อยลง แรงงานกัมพูชาหวังกลับไปทำงานที่หวาดกลัวและหลงเชื่อตามคำกล่าวของกัมพูชา เมื่อกลับไปแล้วจะมีงานทำให้กลับประเทศ เมื่อถึงเวลา ก็ไม่ใช่เรื่องจริง สุดท้ายก็ลักลอบเข้ามาไทย ด้วยมาตรการต่าง ๆ เป็นผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการปฏิบัติการทางทหาร

ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ขอให้ประชาชน เชื่อมั่นกองทัพภาคที่ 1 และย้ำว่ากองทัพภาคที่ 1 ช่วยภาคที่ 2 ทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

 

  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ธรรมชาติวาดเส้นแบ่ง 'แม่น้ำสองสี' ไหลบรรจบในกานซู่
กลุ่มคนจีนยกพวกรุมทำร้ายเพื่อนบ้านเจ็บ 2 ดอดมอบตัวอ้างปากแจ๋ว เหตุเพราะไรเดอร์ส่งปูราคา 4 พันผิดบ้าน
ชาวบ้าน แตกตื่น พบ “ทารก” ใส่ถุงดำทิ้งริมทาง รีบแจ้ง ตำรวจ กู้ภัยฯ ตรวจสอบที่แท้เป็นตุ๊กตายาง
สงขลา แถลงจัด “Songkhla International Marathon 2025” เปิดศึกวิ่งนานาชาติ
ชาวอำเภอบัวเชด เร่งทำบังเกอร์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ชายแดน
รมช.คลัง ลงพื้นที่ สมุทรสงคราม เปิดตัวโครงการ "ศุกร์ได้ลุ้น สุขได้ออม กับหวยเกษียณ" หนุนการออมด้วยสลากดิจิทัลใบละ 50 บาท

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​