“บิ๊กเล็ก” ลั่นถ้านั่งในที่ประชุมสมช. ต้องไม่มีเรื่องยอมรื้อรั้วลวดหนาม “กองทัพบก” แจงคลิปว่อนถอนหลักเขตแดน เป็น Fake News
ข่าวที่น่าสนใจ
18 ส.ค. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อนการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ถึงกระที่สังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ว่าไทยจะปลดแนวรั้วลวดหนามที่ล้อม บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เพื่อลดความตึงเครียดและสร้างสันติภาพ ว่า ขอให้รอฟัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค หรือ RBC ในพื้นที่ของกองบัญการ ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ซึ่งกัมพูชาไม่เหมาะตอบรับข้อเสนอใดๆจากฝ่ายไทย พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามผลคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ทุ่นระเบิดที่ไม่ตอบรับการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด และ
ส่วนการเลื่อนการประชุม RBC ในพื้นที่ทับภาค 2 ออกไปเป็นวันที่ 27 สิงหาคมนี้จะเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พลเอกณัฐพล ยืนยันว่าไม่มีอะไร เพราะการประชุมทางกัมพูชาจะใช้คณะทำงานชุดเดียวกัน ดังนั้นต้องให้แล้วเสร็จจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และไปประชุมต่อในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ก่อนย้ำคำเดิมว่าไม่มีอะไร แต่ขณะที่ประเทศไทยใช้คณะทำงานคนละทีมจึงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามย้ำว่าในพื้นที่ชายแดนบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่มีการนำมวลชนชาวกัมพูชามากดดัน เนื่องจากไทยล้อมรั้วบริเวณชายแดน พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ตรงนั้นจะไปเกี่ยวข้องกับกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมหรือ JBC ในการชี้แนวเขต
เมื่อถามต่อว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 เป็น พื้นที่เขตเมืองส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เป็นพื้นที่เขตป่ายุทธวิธีและเงื่อนไขในการแก้ไขปัญหาจะแตกต่างกันหรือไม่ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่า ทั้งสองพื้นที่มีปัจจัยที่ต่างกันมาก
เมื่อพูดถึงข่าวถามย้ำอีกว่ามติที่ประชุมสมชในวันนี้ จะมีการหารือเรื่องการรื้อรั้วลวดหนาม เพื่อให้เกิดสันติภาพจริงหรือไม่พลเอกณัฐพล กล่าวยืนยันพร้อมยิ้มว่า “ไม่จริง รับรอง ถ้าผมนั่งในที่ประชุมไม่มีหรอก”
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุมสมชวันนี้จะมีการหารือเรื่องการจัดหาแรงงานต่างด้าวทดแทนแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศ รวมไปถึงนางมนพร เจริญศรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะขอหารือเรื่องความปลอดภัยจากหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อจัดการเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษเนื่องจากขาดเกินกำหนดระยะเวลา 45 วันอาจจะเข้าข่ายเสี่ยงผิดกฎหมายก่อนเลือกตั้ง
ส่วนทางด้านกองทัพบก ได้แถลงระบุว่า จากกรณีที่มีคลิปวิดีโอปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นหลักเขตแดนไทย -กัมพูชานั้น
กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่าภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย -กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปัน เขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463) เนื่องจากขนาดและรูปร่างของ หลักเขตแดนไทย – กัมพูชา จะต้องมีความกว้าง 40 ซม. ยาว 40 ซม. สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และส่วนที่ฝัง ลงไปในดินมีฐานรากอีกประมาณ 80 ซม. มีการสลักข้อความ 3 ภาษา คือด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทย จะเขียน ว่ากรุงสยามอยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ด้านที่หันเข้าหา ประเทศกัมพูชา
จะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็น ภาษาไทย เขียนว่ากรุงกัมพูชา ส่วนด้านข้างของตัวหลักทั้ง 2 ข้าง ก็เขียนไว้ 3 ภาษา เช่นเดียวกัน โดย ภาษาไทยเขียนไว้ว่า แดนต่อแดน และด้านบนหลักเขตจะมีหมายเลขหลักเขตกำกับไว้อย่างชัดเจน
ส่วนทางด้านกองทัพบก ได้แถลงระบุว่า จากกรณีที่มีคลิปวิดีโอปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นหลักเขตแดนไทย -กัมพูชานั้น
กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่าภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย -กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปัน เขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463) เนื่องจากขนาดและรูปร่างของ หลักเขตแดนไทย – กัมพูชา จะต้องมีความกว้าง 40 ซม. ยาว 40 ซม. สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และส่วนที่ฝัง ลงไปในดินมีฐานรากอีกประมาณ 80 ซม. มีการสลักข้อความ 3 ภาษา คือด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทย จะเขียน ว่ากรุงสยามอยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ด้านที่หันเข้าหา ประเทศกัมพูชา
จะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็น ภาษาไทย เขียนว่ากรุงกัมพูชา ส่วนด้านข้างของตัวหลักทั้ง 2 ข้าง ก็เขียนไว้ 3 ภาษา เช่นเดียวกัน โดย ภาษาไทยเขียนไว้ว่า แดนต่อแดน และด้านบนหลักเขตจะมีหมายเลขหลักเขตกำกับไว้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ขอให้ติดตามข่าวสารจากข้อมูลในช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น เพจ “ทีมโฆษกกองทัพบก”, เพจ“กองทัพบก” และเพจ “กองทัพภาคที่ 2” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
ต่อสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น