“จักรภพ” เชื่อไทยได้เปรียบ เวที UNSC ถกปัญหาปะทะกัมพูชา เชื่อได้แฉชาวโลก พฤติการณ์เขมรแย่แค่ไหน – Top News รายงาน
วันนี้ 25 ก.ค. 68 นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ ในรายการจับตาประเทศไทย กรณีที่ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ส่งหนังสือขอให้ประธาน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC เรียกประชุมด่วน เพื่อหยุดยั้ง เนื่องจากกัมพูชากล่าวอ้างว่าถูกไทยรุกราน ว่า หลังจากที่ UNSC ได้รับหนังสือนายฮุน มาเน็ต นายกฯ เรียบร้อยแล้ว และเวลาประมาณตีสองของเช้าวันเสาร์ ที่ 26 ก.ค. ของบ้านเรา จะมีการประชุมกัน ส่วนจะเข้าทางกัมพูชาหรือไม่นั้น ตนมองว่าไม่เลย เพราะการขอเปิดประชุมนัดพิเศษนี้ ใครก็สามารถขอได้ ไม่ถือว่าเป็นโจทย์หรือจำเลย สามารถร้องขอได้ และเหตุผลที่ประเทศไทยไม่ได้ยื่นหนังสือซ้ำไป เพราะว่าเมื่อ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ไปประชุมที่เมืองนิวยอร์กอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับเกิดเหตุปะทะกันพอดีวานนี้ และทางรัฐบาลก็แนะให้ท่านอยู่ต่อ และท่านได้ชี้แจงกับเลขาธิการ UN และคุยกับประธานสมัชชาใหญ่ ของสหประชาชาติ ที่จะประชุมช่วงปลายปี และที่สำคัญคณะมนตรีความมั่นคง ได้พูดคุยกับเลขาธิการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ UNSC
นายจักรภพ ย้ำอีกว่า จากข้อได้เปรียบข้างต้น ประเทศไทยจึงได้สื่อสารความจริงไปพร้อมกัน ว่ากัมพูชาไม่ใช่แค่ทำร้ายชีวิตประชาชนชาวไทย และคร่าชีวิตประชาชนไทยเมื่อวานนี้ แต่เลยไปถึงเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งกัมพูชาได้ยั่วยุไทยนับร้อยครั้ง จากการให้ข้อมูลของรองแม่ทัพภาคที่สอง พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ และเราได้นำเสนอเรื่องนี้ล่วงหน้าไปเช่นเดียวกัน ส่วนการที่กัมพูชามายื่นเรื่องไปที่ UNSC ทีหลัง เพื่อขอเปิดประชุมนัดพิเศษนี้ ท่ามกลางเหตุการณ์ปะทะวานนี้ ที่กัมพูชาได้เปิดฉากก่อน ดังนั้นสถานะของไทยและเขมรตอนนี้จึงเท่ากัน เพราะคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติ ไม่เหมือนกับศาลโลก เพราะศาลโลกคือศาล ดังนั้นผู้ที่ยื่นก่อน คือโจทย์ และผู้ที่ต้องไปกล่าวป้องกันตนเอง คือจำเลย ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มองว่าทั้งสองประเทศ เท่าเทียมกันไม่ว่าใครจะเปิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ก็เท่าเทียมกัน