CNN เผยผลการศึกษาในชีวิตจริงจากอิสราเอลและกาตาร์ ที่เพิ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร นิว อิงแลนด์ เจอร์เนิล ออฟ เมดิซีน (New England Journal of Medicine) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ตค) ยืนยันว่าวัคซีนโควิดของไฟเซอร์สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดได้เพียงเดือนแรกที่ฉีดเท่านั้น จากนั้นจะค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนที่ฉีดครบสองเข็มแล้วยังจำเป็นต้องระมัดระวังตัวอยู่
โดยผลการศึกษาที่อิสราเอลซึ่งครอบคลุมบุคลากรการแพทย์ 4 พัน 800 คนพบว่าหลังจากฉีดไฟเซอร์ไป 2 เข็ม แอนติบอดี้จะเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน “กลุ่มผู้ชาย, ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันบกพรอ่ง” ผลการศึกษายังชี้ต่อว่าคนที่เคยติดเชื้อโควิดกลับสร้างแอนติบอดี้ที่อยู่ได้นานคงทนกว่า แต่แอนติบอดี้จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สรุปได้ว่าคนที่เคยติดเชื้อและฉีดวัคซีน จะช่วยป้องกันโควิดได้ดีกว่าคนที่ฉีด 2 เข็ม
ส่วนผลการศึกษาที่กาตาร์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ฉีดไฟเซอร์พบว่าภูมิคุ้มกันจะถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วหลังฉีดเข็มแรก และเมื่อฉีดเข็มสองภูมิจะพุ่งขึ้นถึงจุดแข็งแกรงที่สุดภายใน 1 เดือนแรก จากนั้นก็จะค่อยๆลดลง และจะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนที่ 4 และในที่สุดจะลดเหลือเพียง 20% หลังจากนั้น ซึ่งจะลดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย แต่คนที่ฉีดครบโดสแล้วส่วนใหญ่จะเริ่มลดการ์ดและระมัดระวังตัวน้อยลง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงและทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามผลการศึกษายังยืนยันว่าแม้แอนติบอดี้จะลดลงเหลือ 20% ในที่สุด แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนยังช่วยปกป้องจากการล้มป่วยจนอาการหนักและเสียชีวิตได้ถึง 90%
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าผลการศึกษาดังกล่าวเป็นการส่งสัญญานเตือนให้ประเทศต่างๆควรเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เพราะนั่นหมายถึงว่าประชากรโลกจำนวนมากที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบสองโดสไปแล้ว กำลังจะเริ่มสูญเสียแอนติบอดี้ต่อต้านโควิดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า