เปิดประวัติ “ทิดแย้ม-สีกาเก็น” เริ่มแทะโลมกันตั้งแต่ปี 63 พบเส้นเงินมากกว่า 300 ล้านบาท

เปิดประวัติ "ทิดแย้ม-สีกาเก็น" เริ่มแทะโลมกันตั้งแต่ปี 63 พบเส้นเงินมากกว่า 300 ล้านบาท

ความคืบหน้าทางคดี ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากตำรวจ เปิดเผยว่าผลการสอบปากคำทิดแย้มมีความคืบหน้าไปเยอะ ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างการรื้อบัญชีมาตรวจสอบ โดยประสาน สตง. ปปง. สำนักพุทธ ให้เข้าตรวจสอบเรื่องการเงินวัดทั้งหมด เพราะบัญชีของทิดแย้ม และบัญชีวัดนั้นมีเยอะมาก เนื่องจากภายในวัดมีตู้บริจาคและการซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่มีรายได้เข้าวัดทุกวันจำนวนมาก ที่ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของทิดแย้มโดนตรง ก่อนจะมีโอนไปยังบัญชีของคนสนิท ซึ่งจากการตรวจสอบยังพบอีกว่ามีการนำเงินไปซื้อ รถหรูมาให้ทิดแย้มใช้ส่วนตัวอีกด้วย

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า ทิดแย้มโอนเงินไปให้ นายเอกพจน์ คนสนิทเป็นพระลูกวัด 300 ล้านบาท และมีเส้นเงินปริศนาที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบโอนมาให้นายเอกพจน์อีก 200 ล้านบาท และคนใกล้ชิดทิดแย้ม ซึ่งเป็นชายภายในวัดอีก 60 ล้านบาท โดยชายปริศนาคนนี้เข้ามาประจบทิดแย้มตอนเป็นพระ แล้วบอกว่ามีเงินมีรถมาให้ทิดแย้มใช้

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

แต่อย่างไรก็ตามตัวเลข 300 ล้านบาท ที่ตำรวจมีการสืบทราบอยู่ในระยะเวลาเพียงแค่ 1-2 ปี แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้ง 2563 ดังนั้นยอดเงินจึงยังไม่นิ่ง และเชื่อว่ามีมากกว่า 300 ล้านบาทอย่างแน่นอน โดนเฉพาะ บัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ ที่สอท.จับในช่วงปี 67 คดีเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ที่คาดว่าจะมีการแบล็คเมลทิดแย้ม และเชื่อว่า น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ หรือ เก็น น่าจะมีของดี ที่ทำให้คิดแย้มอยู่ในการควบคุม และรีดไถ่เงิน ซึ่งจากข้อมูลที่บันทึกพบว่า ทิดแย้ม เริ่มมีการพูดคุยแทะโลม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ ตั้งแต่ปี 63

 

 

ข้อมูลเบื้องต้นเส้นเงินเจ้าหน้าได้ตรวจสอบบัญระหว่างทิดแย้มกับ น.ส.อรัญญาวรรณ ในปี 65-66 พบว่าปี 66 แค่ภายใน 1 เดือน ทิดแย้มโอนให้กับ น.ส.อรัญญาวรรณ ถึง 80 ล้านบาท
ขณะที่ความคืบหน้าการสอบพยาน พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำไวยาวัจกร และพระลูกวัดรวมถึงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 11 คน ซึ่งทั้ง 11 คนนี้ มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินภายในวัด นอกจากนี้ไวยาวัจกร และ กรรมการวัดบางราย พบว่ามีพฤติกรรมลงนามหนังสือเบิกเงินไว้ล่วงหน้า เมื่อทิดแย้มต้องการใช้เงินของวัดจำนวนเท่าไหร่ ก็สามารถเบิกเงินได้ทันที เนื่องจากบุคคลที่มีอำนาจได้ลงชื่อไว้แล้ว

 

สำหรับในประเด็นเรื่องการลงนามหนังสือเบิกเงินไว้ล่วงหน้า จะต้องเรียกบุคคลคคที่มีอำนาจที่ได้ลงชื่อไว้มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถที่จะระบุวัน และเวลาได้ เนื่องจากจะต้องรอทางพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าที่ประชุม โดยมีพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช
ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้ร่วมประชุม และรอแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

ส่วนพยานที่เคยสอบปากคำไปแล้วหากพบว่ามีความเชื่อมโยง ทั้งเส้นเงิน และมีส่วนรู้เห็น ก็จะมีการเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง.

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธรรมรัตน์คาเฟ่ มอบเงินสด 400,000บาท ปรับปรุงห้องผู้ป่วยพิเศษ โรงพยาบาลกำแพงเพชร
เสธ.ทบ. พร้อมด้วย มทบ.37 และ กอ.รมน.เชียงราย ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี วัดเนื้อนาบุญ อ.เทิง จ.เชียงราย
ตำรวจเกาหลีใต้บุกค้น “อัพบิท” แหล่งฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดของปท. โยง “ฮุยวัน กรุ๊ป” ของกัมพูชา
นครสวรรค์ พร้อมใจกันจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติฯ
"นิด้าโพล" คนอีสาน 32.40% ยังมองไม่เห็นคนเหมาะสมนั่งนายกฯ "อนุทิน" คะแนนนิยมนำ "เท้ง ณัฐพงษ์" แต่ชอบพรรคปชน.มากกว่าภท.
“เพชรบูรณ์” สืบฮีตสานฮอย วัฒนธรรมไทหล่ม แห่ต้นปราสาทผึ้ง ลอยประทีปไหลเรือไฟ คึกคัก

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​