วันนี้(2 พ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ดำเนินการระบายยางในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 โดยทำการขายยางแผ่นรมควันอัดก้อน ยางแท่ง STR20 และยางอื่น ๆ แบบเหมาคละคุณภาพและคละโกดัง จำนวน 17 โกดัง ปริมาณ 104,763.35 ตัน เนื่องจากการเทขายสต็อกยางดังกล่าว พบข้อพิรุธอยู่หลายประการ ซึ่งอาจทำให้รัฐเสียหาย อาทิ 1.การออกประกาศขายยางดังกล่าวเกิดขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็วจนผิดสังเกต โดยกำหนดให้บริษัทที่สนใจยื่นข้อเสนอซื้อในระหว่างวันที่ 9-20 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ จะเหลือวันทำการเพียง 3 วันคือวันที่ 9, 19 และ 20 เมษายนเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่รู้ตัวมาก่อนจะไม่สามารถยื่นข้อเสนอตาม TOR ได้ทัน เว้นแต่จะมีการส่งซิกบอกกันล่วงหน้า เพราะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นแคชเชียร์เช็ค 200 ล้านบาท และต้องมีหนังสือแบ็งค์การันตีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทมายื่นด้วย
2.การกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ยื่นต้องเป็นบริษัทที่เคยร่วมประมูลซื้อยางกับ กยท.มาก่อนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และโรงงานต้องเคยมีปริมาณการผลิตและแปรรูปในปี 2563 มากกว่า 2 แสนตัน ซึ่งในไทยมีเพียง 5 บริษัทเท่านั้นที่มีปริมาณการผลิตเกิน 2 แสนตัน ชี้ให้เห็นถึงการกีดกันบริษัทอื่นๆให้ไม่สามารถเข้ายื่นข้อเสนอซื้อยางได้ ทำให้รัฐขายยางได้ในราคาที่ต่ำเกินจริง
3.การที่มีบริษัทเอกชนเพียง 1 รายยื่นข้อเสนอซื้อยางดังกล่าว โดยไม่มีคู่แข่งเลยนั้น อาจทำให้รัฐเสียหาย ที่สำคัญการประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคา เมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยไม่ปรากฏว่าผู้ชนะดังกล่าวสามารถซื้อยางได้ในราคาเท่าไรนั้น ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมากในกลุ่มบริษัทผู้ซื้อยางว่า งานนี้คาดว่ารัฐบาลอาจขาดทุนกว่า 40 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรียังเพิกเฉย สมาคมฯจะไปร้อง สตง. และ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบต่อไป