ควันหลงจากปัญหาขบวนการเลื่อยขาล้มเก้าอี้สร.1 แม้วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะปลด 2 คู่หูแกนนำขบวนการล้มนายกฯอย่างร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พ้นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลไปแล้ว แต่โฟกัสของทุกสายตาจับจ้องไปที่ความขัดแย้งระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับพี่ใหญ่ 3 ป.ก๊วนบูรพาพยัคฆ์อย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แม้ล่าสุดวานนี้ช่วงบ่าย หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะออกท่าทางกระหนุงหระหนิงกับพล.อ.ประวิตร พยายามพูดคุยทักทายแสดงให้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพสื่อที่มารอจับท่าทีของทั้งคู่เห็นว่าไม่มีความบาดหมางไร้ความขัดแย้งระหว่างกันจากปัญหาสารพัดมากมายหลายเรื่องที่เกิดขึ้น
หลังการประชุมเสร็จพล.อ.ประยุทธ์ยังเดินจับมือโอบไหล่พล.อ.ประวิตรจากห้องประชุมประคองกอดเดินมาส่งจนถึงประตูรถยนตร์ส่วนตัว ก่อนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวตอบชัดทุกเรื่องเกี่ยวกับประเด็นขัดแย้งกับพล.อ.ประวิตร ” ผมไม่จำเป็นต้องเคลียร์ เห็นหน้าก็รู้ใจ ต่างคนต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน การดำเนินการอะไรก็ตามขอให้เป็นไปตามกติกา ตามระบอบประชาธิปไตยของเรา อันไหนที่เป็นอำนาจของนายกฯ ที่ผมสามารถทำได้ผมก็ทำของผม ไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจกัน ยืนยันอีกครั้งนะครับ” นายกฯระบุ ก่อนจะแก้เกี้ยวเรื่องโอบกอดพล.อ.ประวิตรสร้างภาพลบขัดแย้งว่า “ทำไม ผมก็กอดทุกวันนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กแล้ว” พร้อมยืนกรานยังไม่คิดไปนั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่านายกฯอาจลงไปคุมเกมส์บริหารอำนาจในพรรคพลังประชารัฐเอง “เอ้ย ยังไม่คิดถึงตรงนั้น มันยังไม่ถึงอะไร ก็อย่าเพิ่งมาถามดักหน้าดักหลัง มันไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ เวลาวันนี้ก็ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”
วันนี้แม้ภาพที่ออกมาสู่สังคมของพล.อ.ประวิตรกับพล.อ.ประยุทธ์ จะหวานชื่นดูดดื่มอย่างที่สุด แต่ถ้าพูดกันตามความจริงแบบไม่หลอกตัวเองไม่โลกสวย ไม่มีทางและเป็นไปไม่ได้เลยที่ระหว่างพี่น้อง 2 ป.จะลืมปัญหาคาใจและความขัดแย้งรอบนี้ไปได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ฝากพล.อ.ประยุทธ์เกือบหลุดจากตำแหน่งสร.1 ถูกท้าทายอำนาจอย่างสุดๆ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปีตั้งแต่เข้ามาควบคุมอำนาจและบริหารประเทศเป็นนายกฯสมัยที่ 2 รอบนี้ถือว่าถูกหยามถูกหมิ่นถูกลบเหลี่ยมลูบคมมากที่สุด อดีตผบ.ทบ. เคยเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ครั้งหนึ่งเคยสูงสุดถึงขั้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ปัจจุบันเป็นนายกฯ ผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศสมัย 2 แต่ต้องมาเกือบเพลี่ยงพล้ำเฉียดโดนตัดตอนอำนาจ เพราะฝีมือของร้อยเอกผู้แทนสมัยแรก เป็นใครจะไม่แค้นเจ็บลึกในจิตใจมิอาจบอกใครได้ ฝ่ายพล.อ.ประวิตรก็ยิ่งใหญ่ไพศาลเป็นหนึ่งในตองอู เป็นป๋าป้อมแห่งมูลนิธิป่ารอบต่อ 5 จังหวัด มีบริวารแวดล้อมมากมาย ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน นักธุรกิจ มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นถึงพี่ใหญ่ 3 ปแห่งบูรพาพยัคฆ์ ใครๆก็ซูฮกใครๆก็ก้มหัวหวั่นเกรง แต่มารอบนี้ต้องมาสยบยอมให้กับ “ไอ้ตู่” น้องเล็กร่วมสาบานหัวใจสีม่วงก๊วนทหารเสือราชินี คราวนี้แตกกันหนักหักกันเต็มๆ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ถึงขั้นใช้อำนาจในมือสร.1 ปลดร.อ.ธรรมนัสตัดนางนฤมลที่เปรียบเสมือนคนใกล้ชิดเป็นแข้งเป็นขาของพล.อ.ประวิตรพ้นรัฐบาล ปากอาจจะบอกไม่งอนไม่น้อยใจไม่แตกหัก แต่ในใจล้านเปอร์เซนต์ว่าขบเหลี่ยมกินแหนงแคลงใจกันแน่นอน สภาพพี่น้อง 2 ป.ในวันนี้ “ประวิตร-ประยุทธ์” จึงออกมาแบบหวานนอกขมใน ถึงรักกันแต่มันไม่เหมือนเดิม สภาพพล.อ.ประวิตรวานนี้เลยออกมาแกนๆ อิหลักอิเหลื่อ ไม่สมจริง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ก็เล่นใหญ่จัดหนักจัดเต็มเกินไปจนดูไม่สมจริง เที่ยวนี้เลยดูออกเป็นดราม่าไปนิดนึง แทนที่จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
จากนี้พล.อ.ประวิตรกับพล.อ.ประยุทธ์จะไปต่อกันอย่างไร ด้านหนึ่งในพรรคพลังประชารัฐ มีการวิเคราะห์กันว่ามี 2-3 แนวทาง หนึ่งคือประนีประนอมยอมความกันพล.อ.ประวิตรยังนั่งเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ไม่มีการล้างไพ่กรรมการบริหารพรรค ไม่มีการปลดร.อ.ธรรมนัสจากเลขาธิการพรรคแต่อย่างใด เพราะการปลดร.อ.ธรรมนัสกับนางนฤมลพ้นตำแหน่งในรัฐบาลก็ถือว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้ลงโทษได้เช็คบิลทั้งคู่ให้หลาบจำสมควรแก่เหตุแล้ว กรณีที่ออฟไซด์เล่นใหญ่เกินเบอร์ถึงขั้นจะล้มนายกฯ เพราะฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์จะไม่ก้าวล่วงเข้ามาในพรรคพลังประชารัฐจนกลายเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงเรื่องภายในพรรคจนทำให้พล.อ.ประวิตรต้องเสียหน้า สองคือเจอกันครึ่งทางโดยการขยับพล.อ.ประวิตรขึ้นหิ้งไปเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ แล้วพล.อ.ประยุทธ์ก็มานั่งเป็นหัวหน้าพรรคเองเพื่อลดปัญหาขาลอย อาจจะมีการปรับเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่ หรือเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรคการเมืองบางคนที่ไม่เหมาะสมออกไป และสามคือหักดิบโดยพล.อ.ประวิตรลาออก ล้างไพ่กรรมการบริหารพรรคใหม่หมด เปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคใหม่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาคุมก้าวขาลงมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามดูทรงแล้วเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ลงมาล้วงลูกลงมาเล่นเองแต่อย่างใด เพราะเป็นเกมส์ที่ไม่ถนัดเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นชินด้านนี้คงปล่อยให้พล.อ.ประวิตรดูแลไป แต่ในซีกรัฐบาลเชื่อแน่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเขย่าครม.กันใหม่ในเวลาอันใกล้นี้เพื่อกระชับอำนาจของตัวเองให้แข็งแรงขึ้น
ทั้งนี้หลังเกิดศึกเกิดปัญหาหลายเรื่องในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจจนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ล่าสุดพล.อ.ประวิตรเตรียมเรียกประชุมส.ส.หารือเคลียร์ใจทุกเรื่องในวันพรุ่งนี้ 15 ก.ย.2564 เวลา09.00 น. ที่ชั้น 6 ห้องประชุมพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัฐสภา แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า แม้จะเกิดปัญหาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ แต่พรรคพลังประชารัฐก็ยังสามารถเดินหน้าไปต่อได้ และเชื่อว่าคงไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรคใหม่ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน พร้อมเชื่อว่าพล.อ.ประวิตรจะจัดการทุกปัญหาได้ เพราะพล.อ.ประวิตรคือศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในพรรคและเป็นนายตัวจริงของส.ส.ทุกคน ในส่วนกระแสข่าวพล.อ.ประยุทธ์จะลงมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็คงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเลย และที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นพล.อ.ประวิตรก็เป็นคนดูพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด ส่วนพล.อ.ประยุทธ์นั้นไม่เคยลงมาดูแลเลยต้องนี้จึงกลายเป็นปัญหาเป็นช่องว่างระหว่างส.ส.ของพรรคกับนายกฯ เนื่องจากเวลาส.ส.มีปัญหามีเรื่องราวในพื้นที่ก็ไม่สามารถสะท้อนความต้องการหรือถ่ายทอดปัญหาของชาวบ้านให้พล.อ.ประยุทธ์ได้เลย
นอกจากนี้ส.ส.หลายคนยังอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เอานโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงกับชาวบ้านไปผลักดันไปเป็นโครงการของรัฐบาลบ้าง เพื่อที่เวลาส.ส.ลงพื้นที่จะได้เอาไปคุยเอาไปพูดกับชาวบ้านว่านโยบายต่างๆของพรรคที่เคยรับปากไว้ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาล ได้เอาไปทำแล้ว ขณะที่ปัญหาของร.อ.ธรรมนัสทางนายกฯก็ได้ลงโทษจัดการไปแล้ว ที่ส.ส.ของพรรคส่วนใหญ่มองว่าอันนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล ส่วนเรื่องในพรรคยังไงก็ต้องให้ร.อ.ธรรมนัสขับเคลื่อนอยู่ช่วยพรรคกันต่อไป โดยเฉพาะการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 พ.ย. ทั่วประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สุดท้ายเชื่อว่าพล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ คงจะหาทางรอมชอมในปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ยังต้องพึ่งพากันและกัน มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะกลับมาแข็งแกร่งเหมือนดังเดิมได้อย่างแน่นอน
//////////////////