เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN หลังจากที่นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ และสเปน ต่างออกมายืนยันถึงการรับรองรัฐปาเลสไตน์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันต่อการแก้ปัญหาแบบสองรัฐ และไบเดนก็เชื่อว่า รัฐปาเลสไตน์ควรบรรลุผลสำเร็จด้วยการเจรจาโดยตรงระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่ผ่านการยอมรับฝ่ายเดียว ซึ่งสหรัฐก็จะเดินหน้าดำเนินการผ่านการเจรจาทางการทูตระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป นอกจากนี้ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไบเดนก็ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบการศึกษาที่วิทยาลัยมอร์เฮาส์ ในแอตแลนตา โดยระบุว่า ตนสนับสนุนวิธีแก้ปัญหาแบบสองรัฐ เพราะเป็นทางออกเดียวที่ทั้ง 2 ฝ่าย จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มั่นคง และมีศักดิ์ศรี
ขณะเดียวกัน ทางด้านของนายสเตฟาน เซฌูร์น รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ก็ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้เช่นกันว่า เงื่อนไขสำหรับฝรั่งเศสในการยอมรับปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการในฐานะรัฐนั้น ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จุดยืนของเราชัดเจน การยอมรับรัฐปาเลสไตน์ไม่ใช่ข้อห้ามสำหรับฝรั่งเศส แต่การตัดสินใจครั้งนี้จะต้องมีประโยชน์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ จะต้องทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างเด็ดขาดในแนวหน้าทางการเมือง ซึ่งฝรั่งเศสไม่คิดว่าเงื่อนไขในการตัดสินใจครั้งนี้ (ของนอร์เวย์ ไอร์แลนด์ และสเปน) จะมีผลกระทบต่อกระบวนการนี้ได้อย่างแท้จริง
ด้านดร. เอช.เอ. เฮลเยอร์ นักวิชาการของกองทุนคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ที่อยู่ในสหรัฐ และสถาบันเพื่อการศึกษากลาโหมและความมั่นคงในลอนดอน ได้แสดงความเห็นผ่านสำนักข่าว CNN ว่า แผนของ 3 ประเทศในยุโรปที่จะรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ อาจไม่ส่งผลกระทบที่มีความหมายใดๆ ในพื้นที่ แต่จะมีน้ำหนักทางการเมืองและเป็นไปในเชิงสัญลักษณ์
เฮลเยอร์อธิบายว่า สำหรับชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง สิ่งนี้จะไม่มีความหมายอะไรเลยในช่วงระยะสั้นถึงกลาง แต่การรับรองตามแผนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอล ในขณะที่กำลังต่อสู้กับสงครามที่เป็นข้อขัดแย้งในฉนวนกาซา โดยประชาคมระหว่างประเทศส่วนใหญ่ถือว่าฉนวนกาซา เวสต์แบงก์ และเยรูซาเลมตะวันออก เป็นดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ซึ่งหากมีประเทศเข้าร่วมมากขึ้น อิสราเอลก็อาจพบว่าตัวเอง กำลังถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นบนเวทีโลก และมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นผู้นอกรีตสากล เนื่องจากประเทศตะวันตกเริ่มยอมรับรัฐปาเลสไตน์แล้ว