เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจตลาดมะม่วงบ้านบุฮม หมู่ 1 ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ถนนมะม่วงมีร้านรับซื้อผลผลิตมะม่วงใหญ่ที่สุดของจังหวัดเลยมานานนับ 10 ปี จากที่เคยคึกคักมีเกษตรกรนำผลผลิตมาส่งจำนวนมาก มีนับสิบร้านรับซื้อจากมือเกษตรกรโดยตรงหรือจากเจ้าของสวน มาปีนี้กลับตรงข้ามร้านค้ารับซื้อเงียบ ผลผลิตลดลงกว่า 50 % ด้วยพิษจาก”ภัยแล้ง” มะม่วงไม่ติดดอกออกผลและยังออกผลไม่พร้อมกัน อีกด้วย
ข่าวที่น่าสนใจ
นางสาวพจนีย์ พันจัน อายุ 44 ปี เจ้าของร้านรับซื้อมะม่วงบ้านบุฮม หมู่ 1 ต.บุฮม, เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าปีนี้แล้งหนักส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลของชาว ต.บุฮม มากจากที่เกษตรกรเคยมีรายได้เข้าชุมชนเฉลี่ยกว่า 200 ล้านบาท/ปี กลับลดลง ปีก่อนจากพิษโควิดลดลง 60 % มาปี 2567 จากพิษภัยแล้งกระทบผลผลิตลดลงจากปีก่อนกว่า 50 % สำหรับตลาดผู้ซื้อนั้นก็มีเข้ามาสำรวจแล้ว คือ มาเลเซีย เวียดนาม จีน และตลาดที่กรุงเทพฯ อันเป็นตลาดหลักของมะม่วงบุฮม ลูกค้าเมื่อมาดูสวนและผลผลิตก็บอดได้ว่า”ไม่มีมะม่วงขาย” โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่เคยส่งออกประจำ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม แต่ผลผลิตเราลดลงมาก กล่าวคือ ด้านคุณภาพปกติ ทั้งความสวยงาม สมบูรณ์ และผลโต รสชาติดีตามที่ตลาดต้องการ ส่วนราคาก็กลาง ๆ ไม่เพิ่ม -ไม่ลด โดยราคาขายส่ง เช่น มะม่วงที่ตลาดต้องการสูงคือเขียวเสวย 20 บาท/กก. เขียวใหญ่ 10-15 บาท/กก.อาร์ทูอีทู 10 บาท/กก. โชคอนันต์ 7 บาท น้ำดอกไม้ และแรด เป็นต้น
มะม่วงและพืชสวนไม้ผลนั้นต้องอาศัยธรรมชาติเป็นสำคัญ ทั้งดินดี น้ำดี อากาศดี ปีนี้ ถือว่ามะม่วงบุฮมวิกฤติ เกษตรกรปลูก/ผลิตทั้งตำบล เป็นอาชีพหลักในชุมชน สาเหตุมากจากภัยแล้ง มะม่วงออกใบแต่ไม่ติดชื่อไม่ติดดอก จึงไม่มีผล และออกผลไม่พร้อมกัน อีกด้วย เป็นความยากกับการเก็บ การจำหน่ายมาก หากออกผลพร้อมกันเก็บข่ายเดือน พ.ค.-มิ.ย. ก็เสร็จแล้ว แต่ปีนี้เพียงเดือน พ.ค. มะม่วงก็หมดจากสวนแล้ว สรุปคือ “ตลาดมะม่วงเปิดกว้างแต่เราไม่มีผลผลิตป้อนตลาด”
ข่าว/ภาพ บุญชู ศรีไตรภพ จ.เลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
