วันที่ (13 พ.ค. 67) ทางชุดสืบสวนภาค 2 และชุดสืบสวน สภ. ระเบาะไผ่ ได้ควบคุมตัว นายธรรมรัตน์ ภูมิมาและนายพิชิตพงศ์ ภู่มาลา ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์มาทำการสอบสวนขยายผล จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงดาบตำรวจสกลและภรรยาเสียชีวิตนั้น คือนายชัยวิชิต ภู่มาลา (หลบหนี) จึงได้ขยายผลไปทำการตรวจยึดได้ อาวุธปืนยาวเอเค 47 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน อาวุธปืนพกสั้นขนาด . 357 จำนวน 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน, อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ยี่ห้อซิกซาวเออร์พร้อมเครื่องกระสุน, ลูกระเบิดขว้างสังหารจำนวน 1 ลูก, อาวุธปืนยาวอัดลม จำนวน 2 กระบอก ตรวจยึดได้บริเวณป่าหลังบ้านของนายชัยวิชิตฯ
โดยบุคคลทั้งสองให้การว่า ในขณะที่ตนและนายชัยวิชิตกำลังซื้อน้ำมันอยู่บริเวณป่าริมถนน ได้มีดาบตำรวจสกลพร้อมภรรยา ได้เข้ามาที่เกิดเหตุ นายชัยวิชิตและดาบตำรวจสกล ได้มีปากเสียงกับนายชัยวิชิตจึงใช้อาวุธปืนยิงดาบตำรวจสกลและภรรยาจนเสียชีวิต แล้วนำศพไปทิ้งพร้อมกับรถของดาบตำรวจสกลในป่าห่างจากจุดยิงประมาณ 3 กิโลเมตร
ต่อมา นางแก่นจันทร์ พลเยี่ยม 53 ปี (แม่ชาวลาว) พร้อมสามี นายคำภู พลเยี่ยม อายุ 60 (พ่อ) พร้อมญาติได้เดินทางมาถึงที่ สภ.ระเบาะไผ่ เพื่อรอพบกับพนักงานสอบสวน โดยให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อนโทรบอก ว่า ด.ต.โก้ ถูกยิง แต่ไม่ได้บอกว่าลูกสาวแม่ถูกยิง แต่บอกว่าไม่เห็นลูกสาว สุดท้ายก็โทรมาบอกแต่แม่ก็รู้ว่าลูกเสียแล้วเพราะลูกจะไปไหนมาไหนกับแฟนเขาตลอด ตนออกเดินทางจากเวียงจันทน์ประมาณ 4-5 โมง มาถึงหนองคายประมาณ 2 ทุ่ม และก็นั่งรถจากหนองคายมาโคราชและต่อรถมากบินทร์บุรี เมื่อรู้ว่าลูกเสียชีวิตตนก็ทำใจ ก็รู้ว่าลูกเขยเป็นตำรวจแต่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง อยากฝากบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับตัวและอยากถามคนร้ายว่า ทำไมถึงทำอย่างนั้น เพราะลูกสาวแม่ก็ท้องมาได้ 6 เดือนกว่าแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าทำได้อย่างไร แม่รู้ว่าลูกกระทำแบบนี้ก็เสียใจมาก




