ศาลโลกตัดสินคำฟ้องนิการากัว ชี้การช่วยเหลือของเยอรมนีต่ออิสราเอล ไม่ถือเป็นการสนับสนุนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
หลังจากเมื่อต้นเดือนเมษายน ประเทศนิการากัวได้ยื่นฟ้อง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือไอซีเจ ในกรุงเฮก ให้เยอรมนีระงับความช่วยเหลือทางทหารต่ออิสราเอล และกล่าวหาว่า เยอรมนีละเมิดอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างประเทศปี 1948 เมื่อวานนี้คณะผู้พิพากษา ได้ตัดสินแล้วว่า ความช่วยเหลือทางทหารของเยอรมนีที่ส่งให้อิสราเอลนั้น ไม่ถือเป็นการสนับสนุนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตามที่นิการากัวกล่าวหา และไม่จำเป็นต้องทำให้ศาลสั่งระงับความช่วยเหลือ
คำฟ้องของนิการากัวได้เรียกร้องให้ศาลโลกออกคำสั่งฉุกเฉินเพื่อหยุดเยอรมนี ไม่ให้ส่งอาวุธและความช่วยเหลืออื่นๆ ให้อิสราเอล ที่อาจใช้ในสงครามทำลายล้างฉนวนกาซา และเหตุผลที่นิการากัวมุ่งเป้ามาที่เยอรมนี แทนที่จะเป็นสหรัฐ พันธมิตรหลักของอิสราเอล เพราะสหรัฐไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลของ ICJ ในคดีนี้
ในการพิจารณาคดี เยอรมนีกล่าวว่า การจัดหาอาวุธให้อิสราเอลนั้นอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน และได้รับการประเมินอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งผู้พิพากษาของศาลโลกกล่าวว่า เยอรมนีได้ปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อป้องกันการเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ด้วยการใช้วิธีการที่สมเหตุสมผลทั้งหมด เพื่อใช้อิทธิพลต่ออิสราเอล เพื่อปรับปรุงสถานการณ์ในฉนวนกาซา รวมถึงหลักฐานที่ว่า เยอรมนีสนับสนุนอาวุธให้อิสราเอลน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ภายหลังคำตัดสิน เยอรมนีออกมาแสดงความยินดี โดยกระทรวงต่างประเทศเยอรมนีระบุใน X ว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย นี่คือแนวทางในการดำเนินการของเรา” ขณะที่ คาร์ลอส อาร์เกลโล ตัวแทนของนิการากัวที่ ICJ กล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกห้องพิจารณาคดีว่า ชาวปาเลสไตน์คาดหวังมากกว่านี้ แม้การฟ้องครั้งนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์เพียงพอ แต่หากสถานการณ์พัฒนาต่อไป นิการากัวจะนำเรื่องนี้ ให้ศาลพิจารณาอีกครั้