ผู้บัญชาการอวกาศสหรัฐชี้ จีนมีพัฒนาการความสามารถทางทหารในอวกาศอย่างก้าวกระโดด เสี่ยงคุกคามความสามารถของสหรัฐ
ในงานแถลงข่าวออนไลน์เมื่อวันพุธ ของพลเอก สตีเฟน เอ็น. ไวทิง ผู้บัญชาการกองบัญชาการอวกาศสหรัฐ ที่ศูนย์สื่อเอเชียแปซิฟิกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจัดขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่ออัพเดทข้อมูล ขณะที่พลเอกไวทิง กำลังเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรในเอเชีย เพื่อพัฒนาความร่วมมือและการแบ่งปันข้อมูลในหัวข้อความมั่นคงทางอวกาศนั้น
พลเอกไวทิง ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ญี่ปุ่นกล่าวว่า ความสามารถทางทหารของจีนในอวกาศกำลังพัฒนา ในอัตราที่เร็วอย่างน่าทึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเข้มข้นขึ้นหลังจากการปฏิรูปด้านกลาโหมเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจีนมีดาวเทียมสอดแนมเพิ่มขึ้นสามเท่าบนวงโคจร ในเวลาเพียงหกปี ซึ่งส่งผลกระทบทั่วทั้งขอบเขตทางการทหาร
เขาระบุว่า ถ้าให้พูดตรงๆ สาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งในอวกาศ และพวกเขากำลังพัฒนาอาวุธต่อต้านอวกาศหลายประเภทอย่างรวดเร็ว ซึ่งเสี่ยงต่อความสามารถด้านอวกาศของสหรัฐ พร้อมชี้ว่า จีนเป็นความท้าทายอันดับต้นๆของสหรัฐ โดยจีนได้ใช้ความสามารถด้านอวกาศ ปรับปรุงอัตราความแม่นยำ และการกำหนดพิสัยของกองกำลังภาคพื้นดิน
ต่อกรณีที่ จีนประกาศจัดตั้งกองกำลังสนับสนุนข้อมูลภาย ในกองทัพปลดปล่อยประชาชน เมื่อวันที่ 19 เมษายน ซึ่งจะปฏิรูปวิธีดำเนินงานทางไซเบอร์ ข้อมูล โลจิสติกส์ และอวกาศ ไวทิงให้ความเห็นว่า นโยบายดังกล่าว ตอกย้ำถึงความทะเยอทะยานด้านอวกาศในอนาคตของผู้นำจีน และแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังเพิ่มความสำคัญของสงครามอวกาศ ข้อมูล และปฏิบัติการทางไซเบอร์
การแถลงของไวทิงปิดท้ายด้วยการเรียกร้อง ให้จีนมีความโปร่งใสมากขึ้น ในขณะที่พัฒนาขีดความสามารถด้านอวกาศของพลเรือนและทหาร เขากล่าวว่า เราได้เห็นประกาศความทะเยอทะยานของจีนในการไปดวงจันทร์ ซึ่งเมื่อมองดูจากภายนอก มันคือการสำรวจเพื่อวิทยาศาสตร์ “แต่คนจีนไม่ค่อยโปร่งใสกับสิ่งที่พวกเขาทำในอวกาศ คุณก็รู้ เราหวังว่าจะไม่มีองค์ประกอบทางการทหารในเรื่องนี้ และเราจะยินดีกับความโปร่งใสที่มากขึ้นอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้จีนกำลังจะปล่อยตัวยานเสินโจว-18 ในคืนนี้ เพื่อส่งลูกเรือชุดใหม่ ไปทำงานในสถานีอวกาศเทียนกง ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งนักบินอวกาศจีนเหยียบดวงจันทร์ และสร้างฐานการวิจัยบนพื้นผิวดวงจันทร์ภายในปี 2573 ซึ่งจีนกล่าวว่า เป็นการมุ่งเน้นศึกษาทางวิทยาศาสตร์