เจาะเส้นทางเหล็ก “เสี่ยเฮ้ง” สะพัดติดโผ ครม.เศรษฐา 2 กลับมาปั๊มผลงานคั่วเก้าอี้ตัวเดิม “รมว.แรงงาน”

สะพัด!รีเทริ์นนั่ง “รมว.แรงงาน” กลับมาปั๊มผลงานให้ปังเหมือนยุค “บิ๊กตู่”

นั้นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ บารมีทางการเมือง “เสี่ยเฮ้ง” เปล่งประกายและเริ่มเบียดแซง ตระกูลคุณปลื้ม เพราะอย่าลืมว่าภาพจำของคนในพื้นที่มองว่า “เสี่ยเฮ้ง” ยังอยู่ในร่มเงา “สนธยา คุณปลื้ม” ทายาททางการเมือง “กำนันเป๊าะ” ที่อยู่พรรคพลังประชารัฐด้วยกัน แต่พอเลือกตั้ง ปี 2566 ถึงจุดแตกหัก สุชาติ เลือกไปอยู่พรรค บิ๊กตู่ ขณะที่ สนธยา เลือกไปพรรคเพื่อไทย

การเลือกตั้ง ปี 2566 พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศลงเล่นการเมืองในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) “เสี่ยเฮ้ง” ยอมออกจากพรรคพลังประชารัฐ กราบลา “บิ๊กป้อม” เพื่อมาผลักดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จและเกิดเหตุการณ์พลิกผัน พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปจับขั้วกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้ว ร่วมโหวต นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 “เสี่ยเฮ้ง” ไม่ติดโผ ครม.เศรษฐา 1 หลังจากนั้น “เสี่ยเฮ้ง” จึงหายหน้าหายตาไปนานจนมีกระแสข่าวลือว่า เสี่ยเฮ้ง น้อยใจ ที่พลาดเก้าอี้รัฐมนตรี อาจจะลาออกไปอยู่พรรคภูมิใจไทย หรือไม่

นายสุชาติ จึงออกมาดับกระแสข่าวดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้เรามี สส. ทั้งหมด 36 คน ซึ่งพรรคเราเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน แต่ตัวเลข 36 สส. นั้นถือว่าเยอะ ครั้งต่อไปให้คูณ 3 หรือประมาณกว่า 100 คน ยืนยันว่าพร้อมที่จะแก้มือ เพราะอย่างที่รู้กันว่าเป็นเรื่องปกติที่การเมืองทุกภาคมีปัญหาทุกจังหวัด ซึ่งพอเรารู้ปัญหาแล้ว เราก็ต้องไปแก้ไขปัญหาตรงนั้น แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อยู่ในพรรคแล้ว แต่ก็มี สส. ที่ย้ายมาจากหลายพรรค ซึ่งก็ไม่น่ายากอะไร

จนล่าสุดมีกระแสข่าวว่า “เสี่ยเฮ้ง” จะกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง นั่งเก้าอี้ตัวเดิม นั้นคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงต้องจับตาดูว่าจะเป็นไปตามกระแสข่าวจริงหรือไม่