ประธานาธิบดีอียิปต์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 3
เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี วัย 69 ปี ของอียิปต์ สาบานตนต่อหน้ารัฐสภา เพื่อรับตำแหน่งผู้นำประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอาหรับเป็นสมัยที่ 3
โดยการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ซีซีกวาดคะแนนเสียงไปถึง 89 จุด 6 เปอร์เซ็นต์ ชนะการเลือกตั้งไปอย่างไม่พลิกโผ ส่วนผู้ท้าชิงฝ่ายค้าน 3 คนที่ลงสมัคร ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทำให้ซีซี จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ไปจนถึงปี 2573 ซึ่งการดำรงตำแหน่ง 6 ปี ถูกกำหนดให้เป็นวาระสุดท้ายของเขา เว้นแต่ว่าเขาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง เพื่อยืดอายุการดำรงตำแหน่ง
ซีซี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ขึ้นสู่อำนาจ จากเหตุชาวประท้วงครั้งใหญ่ในอียิปต์ เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ที่ถูกถอดถอนในปี 2556 จากนั้นเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปีถัดมา และอีกครั้งในปี 2561 โดยได้รับคะแนนเสียงประมาณ 97 เปอร์เซ็นต์ทั้งสองครั้ง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา รัฐบาลของเขาพยายามดิ้นรน เพื่อควบคุมผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการระบาดใหญ่ของโควิด, สงครามในยูเครน, สงครามอิสราเอล-ฮามาส ภาวะเงินเฟ้อสูงทั่วโลก ราคาสินค้าพลังงานสูงขึ้น และปัจจัยอื่นๆ รวมถึงการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของอียิปต์ ที่ถูกบีบด้วยภาวะการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นกว่า 2หมื่นล้านดอลลาร์ การดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้เงินทุนก่อสร้างมหาศาล เช่น การก่อสร้างเมืองใหม่ การสร้างรถไฟความเร็วสูง การสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และการใช้เงินอุดหนุนเพื่อพยุงค่าเงินปอนด์อียิปต์ และลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อดุลการชำระเงิน ทำให้เงินปอนด์ของอียิปต์สูญเสียมูลค่าถึงสองในสาม และอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี รัฐบาลอียิปต์กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 อียิปต์มีสินเชื่อและข้อตกลงด้านการลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่า จะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจได้