เปิดใจน้องสาว “พลทหาร” ดิ่งตึกในค่ายโคม่า ร้องขอความเป็นธรรม เชื่อพี่ถูกกดขี่ข่มเหง

ล่าสุด วันนี้ (23 มี.ค. 67) ทีมข่าว TopNews ได้วีดีโอคอลไปสอบถามข้อเท็จจริงกับคุณวันวิสา น้องสาวของพลทหารประกิจ หรือเต้ย โดยได้เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนหน้าจะเกิดเหตุุ พี่ชายของตนจะได้ลากลับบ้านในวันที่ 21 มีนาคม แต่ก็ไลน์มาบอกว่าไม่ได้ลากลับบ้านแล้วนะ น่าจะได้ไปเป็นวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งทางบ้านก็คุยว่าจะไปเที่ยวกัน สุดท้ายก็ไม่ได้ไป และพี่ชายก็ไลน์ มาบอกอีกว่า ขอให้ช่วยด้วย กลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว ตนก็ถามพี่ชายไปว่าเป็นอะไร ถ้าพูดไม่ได้ก็ให้พิมพ์มาบอก แต่พี่ชายก็ได้แต่บอกว่า บอกไม่ได้ บอกใครไม่ได้เลย ต้องกลับไปเล่าที่บ้าน แต่ว่ายังไม่ทันได้กลับมาพูดคุยกันที่บ้านก็มาเกิดเหตุเสียก่อน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 21 มีนาคม เวลา 18.43 น. ก่อนหน้านี้พี่ชายเคยบอกกับตนว่าในค่ายนี้มีอะไรมากมายที่จะต้องเจอ เขาบอกเพียงว่าถูกรุ่นพี่กดแต่ไม่ได้บอกลักษณะของการกด หรือการก่อเหตุใดๆ ซึ่งตนก็พยายามจะถาม เขาก็ไม่ยอมบอก บอกเพียงแต่ว่าพูดไม่ได้

คุณวันวิสา บอกว่า ล่าสุด พี่ชายของตนได้ย้ายมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อคืนนี้ แพทย์ทำการผ่าตัดสมองนำเลือดออก เนื่องจากเลือดคั่ง สมองบวม อาการนั้นยังไม่คงที่ ตอนนี้พี่ชายยังพูดคุยสื่อสารอะไรไม่ได้ ส่วนของทางต้นสังกัด ได้มีการติดต่อมาพูดคุยได้พาไปดูตรงจุดเกิดเหตุ เมื่อวานนี้ ส่วนในวันนี้ก็บอกด้วยว่าจะเข้ามาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ส่วนในเรื่องของการดูแลรับผิดชอบอะไรยังไม่ได้มีการพูดคุย แล้วเมื่อวานนี้ทางต้นสังกัดบอกด้วยว่าจะทำการสอบสวน ซึ่งตนกับพ่อก็ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ปราจีนบุรี และสิ่งที่เรียกร้องตอนนี้อยากให้พี่ชายของตนรอดปลอดภัยกลับมามีชีวิตและได้รับความเป็นธรรมอย่างที่สุด และอยากสืบหาตัวคนที่กดขี่ข่มเหงพี่ชายของตนตามที่พี่ตนพิมพ์ในแชทว่าเป็นใคร ที่ทำให้พี่ชายของตนรู้สึกกดดันจนนำมาสู่การก่อเหตุในครั้งนี้

คุณวันวิสา บอกอีกว่า พี่ชายของตนสังกัดสารวัตรทหาร จับใบดำใบแดงเข้าประจำการเป็นผลัด 2 ส่วนตัวก็ปกติไม่ได้ชอบและรักกันเป็นทหาร พอจับได้ก็ทำตามหน้าที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ในผลัดแรกที่เขากลับมา เขาก็พูดแค่ว่ามันมีอะไรเยอะมากในนั้นที่เขาเจอ เขาเป็นคนไม่ค่อยยุ่งกับใครอยู่แต่กับเพื่อนและมีเพื่อนสนิทที่อยู่ในค่ายทหารด้วยกัน แต่วันนั้นเขาลา หลังจากเกิดเหตุตนก็ไม่ได้พูดคุยสอบถามกับใครเลย มีแต่คนที่อยู่ในค่ายทักมาบอกว่าพี่ชายของตนมีปัญหาทะเลาะกับครอบครัว ซึ่งไม่ใช่อย่างแน่นอน และไม่ใช่เรื่องอกหักและไม่ใช่เรื่องยืมเงินอย่างแน่นอน

หลังจากนี้ตนก็จะรักษาพี่ชายให้ดีที่สุด และดำเนินการหาตัวคนที่กดดันพี่ชายของตนที่อยู่ในค่ายทหาร ส่วนลักษณะนิสัยส่วนตัวของพี่ชายเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน และไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าอย่างแน่นอน เวลากลับมาบ้านก็จะไปเล่นดนตรีและฟุตบอลกับเพื่อน หรือไปทำอะไรที่เขาชอบตามอัธยาศัยของผู้ชาย

ส่วนพ่อแม่เองของตนก็ต้องการให้พี่ชายหายและหาตัวผู้กระทำผิดมารับผิดชอบและได้รับความเป็นธรรมต่อเหตุการณ์นี้ และไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดกับใครอีก