โอเพนไฮเมอร์ (Openheimer) ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุดสำหรับงานออสการ์ปีนี้ โดยสามารถคว้ามาได้ถึง 7 รางวัล รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมซึ่งได้แก่ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี และผู้กำกับยอดเยี่ยมได้แก่คริสโตเฟอร์ โนแลน ขณะที่รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมตกเป็นของเอ็มมา สโตน จากภาพยนตร์ “พัวร์ ธิงส์ ”(Poor Things) ซึ่งคว้าไป 4 รางวัลเดียว
ส่วน “บาร์บี้” (Barbie) ที่เปิดตัวแรงและทำรายได้สูงสุดปีที่แล้วกลับคว้ามาได้เพียง 1 รางวัลคือรางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม ซึ่งเขียนโดยบิลลี ไอลิชและพี่ชาย ฟินเนียส โอคอนเนล ขณะที่ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามยูเครนได้สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก ในประเภทภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมจากเรื่อง “ทเวนตี้ เดย์ส อิน มาริอูโปล” (20 Days in Mariupol) ส่วน “เดอะ โซน ออฟ อินเทอเรสต์” (The Zone of Interest) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวนาซีเยอรมันในโปแลนด์ ก็คว้ารางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ซึ่งโจนาธาน เกลเซอร์ ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ใช้โอกาสนี้ขึ้นมากล่าวต่อต้านปฏิบัติการสู้รบในกาซา ขณะที่ทีมงานก็ติดเข็มกลัดมีข้อความว่า “หยุดยิง”
จิมมี่ คิมเมล ดาราตลกและพิธีกรรายการโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐซึ่งมาทำหน้าที่พิธีกรงานแจกรางวัลออสการ์ในปีนี้ได้มีการกล่าวพาดพิงโจมตีอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกัน หลังจากถูกทรัมป์โพสต์ข้อความดูถูกว่าคิมเมลเป็นพิธีกรออสการ์ที่แย่ที่สุด และควรหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทน ทำให้คิมเมลตอกกลับไปว่า “ขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ที่นั่งชมการถ่ายทอดสด แต่ผมรุ้สึกแปลกใจ เพราะช่วงเวลานี้น่าจะเลยเวลาเข้านอนของนักโทษไปแล้ว” เรียกเสียงโห่ร้องและเสียงหัวเราะกึกก้องจากผู้ร่วมงานจำนวนมาก
สรุปผลรางวัลทั้งหมดดังนี้
-ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – Oppenheimer
-ผู้กำกับยอดเยี่ยม – Christopher Nolan จาก Oppenheimer
-นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม – Cillian Murphy จาก Oppenheimer
-นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม – Emma stone จาก Poor things
-นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม – Robert Downey Jr จาก Oppenheimer
-นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม – Da’Vine Joy Randolph จาก The Holdovers
-ภาพยนตร์สารคดีแอนิเมชันยอดเยี่ยม – The Boy and The Heron
-กำกับภาพยอดเยี่ยม – Oppenheimer
-เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม – Poor things
-ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม – 20 days days in mariupol
-ภาพยนตร์สั้นสารคดียอดเยี่ยม – The last repair shop
-ตัดต่อภาพยนต์ยอดเยี่ยม – Oppenheimer
-ภาพยนตร์สารคดีนานาชาติยอดเยี่ยม – The zone of interest จาก สหราชอาณาจักร
-แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม – Poor things
-ดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม – Oppenheimer
-เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – What was I made for? จาก Barbie
-ออกแบบศิลป์ยอดเยี่ยม – Poor things
-ภาพยนตร์แอนิเมชันสั้นยอดเยี่ยม – War is over! Inspired by the music of John & Yoko
-ภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม – The Wonderful Story of Henry Sugar
-เสียงยอดเยี่ยม – The zone of interest
-เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม – Godzilla minus one
-บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม – American Fiction
-การเขียนบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม – Anatomy of the fall
