ปิดฉากศึกซักฟอก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯพ่วง 5 รัฐมนตรีไปแล้วแบบผ่านฉลุย สรุปจบขบวนการคว่ำนายกฯแจกกล้วยลิงไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะถูกลูกพี่ใหญ่เจ้าของพรรคนายตัวจริงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตัวจริงเสียงจริงออกโรงเบรคระงับยับยั้งศึกกันไว้ก่อน รัฐบาลเรือแป๊ะของพล.อ.ประยุทธ์จึงได้ไปต่อบริหารประเทศอีกคราว แต่ผ่านศึกซักฟอกรอบนี้ก็ทำให้เรือแป๊ะมีรอยแตกร้าวลึกมากพอดู เพราะเหตุที่นายท้ายเรืออย่าง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ดันหูเบาหลงผิดข้าศึกศัตรูที่เอาเงินมากองเอาทองมาล่อ สุดท้ายก็วางแผนเจาะรูให้น้ำเข้าเรือตัวเอง ดีที่ได้ยาแนวขั้นเทพชันมหาอุดตราลุงป้อม เจ้าของสโลแกน “ตู่ไป กูไป” มาช่วยได้ทัน เรือแป๊ะของกัปตันประยุทธ์เลยผ่านมรสุมลมแรงเอาตัวรอดไปได้แบบฉิวเฉียด แต่ก็ทำให้พล.อ.ประยุทธ์มีรอยตำหนิรัฐบาลมีเรื่องคาใจระหว่างกัน
ผ่านศึกซักฟอกมาได้ไม่เท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลเตรียมลุ้นหนักลุ้นเหนื่อยกันอีกครั้ง รอบนี้ย้ายข้างสลับฝั่งมาเปิดศึกกันเองที่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ 10 ก.ย.2564 อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ม. 83 และ ม. 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง วาระที่ 3 รอบนี้คาดว่าคงดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้กัน หนำซ้ำจะซัดกันหนักซัดกันแรงกว่าศึกซักฟอกเมื่อ 31 ส.ค.- 4 ก.ย. 2564 อีก เพราะคราวนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์เรื่องอนาคตทางการเมืองล้วนๆ นั้นเพราะการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของบ้านเมืองเที่ยวนี้เป็นเรื่องระบบเลือกตั้งที่ยึดโยงกับอนาคตของบ้านเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับ ม. 83 มีสาระสำคัญ ให้มีส.ส. จำนวน 500 คนประกอบด้วย ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และ ส.ส.จากบัญชีรายชื่อ 100 คน ส่วน ม. 91 สาระสำคัญ คือ การคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งนี้กมธ. ได้ปรับเพิ่มวรรคสอง ระบุให้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ การรออกเสียงลงคะแนนน การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลเลือกตั้ง และการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. คือต้องไปรอดูในตอนเขียนกฎหมายลูก
ทั้ง 2 มาตราที่ว่าคือหัวใจสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ ซึ่งที่ผ่านมาบรรดาพรรคการเมืองใหญ่ นำโดยพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เป็น 3 พรรคใหญ่ที่ต้องการแก้ไขระบบการเลือกตั้งแบบใบเดียว คะแนนส.ส.เขตใช้วิธีคิดเหมือนเดิมใครได้คะแนนเขตไหนมากสุดก็เป็นส.ส.เขตนั้นตามปกติ แต่การคิดคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อให้ใช้การคิดแบบพึงมี ที่จะมีเพดานจำกัดว่าแต่ละพรรคจะมีส.ส.ได้เท่าไหร่ โดยคำนวณจาก 1.หาจำนวนบัตรดีทั้งประเทศ 2.หาร 500 ( จำนวนส.ส.ในสภา) 3.เอาเลขที่ได้ในข้อ 2 ไปเป็นตัวหารคะแนนของพรรค จากนั้นไปบวกลบคูณหารตามสูตรการคิด ด้วยเหตุนี้การเลือกตั้งแบบใช้บัตรใบเดียวจากรัฐธรรมนูญ 2560 เหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมาจึงทำให้พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กไม่เสียเปรียบพรรคการเมืองใหญ่ และทำให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย โดยคะแนนเสียงส่วนใหญ่จะมาจากความนิยมชมชอบในตัวนายกฯและตัวพรรคเป็นหลักไม่ได้มาจากตัวส.ส.เขต ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พรรคเล็กและพรรคเกิดใหม่มีโอกาสได้คะแนนมากขึ้นเพราะทุกคะแนนมีค่ามีความหมาย ตรงนี้จึงทำให้พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล และพรรคขนาดเล็กส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งโดยใช้บัตรใบเดียวมากกว่าบัตรสองใบ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก ถึงขนาดแบ่งออกเป็นสองข้างด้านหนึ่งพรรคใหญ่มีพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำต้องการแก้ไขเลือกตั้งกลับไปเป็นบัตร 2 ใบ เขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน ขณะที่พรรคขนาดกลางกับเล็กภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล ยืนยันต้องการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียวคิดคะแนนแบบปี 2562
หัวใจสำคัญที่หลายคนหลายวงการไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บัตรเลือกตั้งจากใบเดียวไปเป็นสองใบ เพราะเกรงว่าถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆ พรรคที่เป็นต้นทางกระสันอยากแก้รัฐธรรมนูญจนตัวสั่นอย่างพรรคพลังประชารัฐ จะหลงกลตกหลุมพรางของพรรคตาอยู่อย่างพรรคเพื่อไทย ที่ลูบปากหวังจังหวะสองรอจังหวะเสียบเรื่องนี้อยู่ อย่าลืมว่าการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 ขนาดพล.อ.ประยุทธ์มีช้างม้าวัวควายมีบารมีเต็มเปี่ยมมีอำนาจเต็มมือ มีทั้งเงินมีทั้งปืนมีกฎหมายอยู่ในมือครบก็ยังเอาชนะพรรคเพื่อไทยเลย ผลการเลือกตั้ง 136 เสียงกับ 116 เสียงเป็นคำตอบชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว มารอบนี้กระแสก็ตก โควิด-19 ก็ฉุด ขาลงคนเบื่อ สารพัดปัจจัยลบ ฯลฯ จะเอาปัญญาที่ไหนไปชนะพรรคดาวเทียมนายโทนี่ ครั้นจะหวังพลังภายในจากผู้กองแป้งท่อน้ำเลี้ยงจาก ร.อ.ธรรมนัสก็ยังไม่ชัวร์ยังไม่รู้ว่า ถึงเวลาจริงๆพ่อทูลหัวจะอยู่ข้างไหน จะเทคะแนนไปให้ใคร ขนาดศึกซักฟอกคนกันเองลูกพี่แท้ๆ ยังวางแผนทำลายเลื่อยขากันลงได้ อนาคตถ้านายโทนี่ต่อสายกลับมาจริงไม่อ่อนเป็นเทียนไขถูกไฟลนกันเลยรึ เพราะฉะนั้นจะไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าจากผู้กองแป้งดูแล้วเสียวถูกแกง
คนนี้ออกมาดักคอรู้ทันแม้วแต่เนิ่นๆ คือ “หมอวรงค์” น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ออกมาเตือนสติพล.อ.ประยุทธ์อย่าไปตามใจพรรคร่วมรัฐบาลจนลืมผลประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง แม้แต่คนในพรรคพลังประชารัฐเองก็ห้ามไปเออออห่อหมกด้วย พวกนักการเมืองส่วนใหญ่ก็จะเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง ถ้าแก้รัฐธรรมนูญตามนี้เชื่อมั่นได้เลยว่าทักษิณคัมแบ๊กโทนี่กลับมาแน่ ทั้งนี้เพราะการเลือกตั้งบัตร 2 ใบมันอาศัย 3 อย่าง 1.เงินถึง 2.เครือข่ายบริหารจัดการ (หัวคะแนน) 3. อำนาจ ใครมีมากใครมีถึงกว่าคนนั้นชนะ มั่นใจว่าถ้าแก้เป็นบัตรเลือกตั้งเป็น 2 ใบ เลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการซื้อเสียงกันอย่างมโหฬารแจกล้วยกันอุตลุต ใครมีเงินมากกว่าก็สามารถซื้อตัวกวาดต้อนผู้แทนไปได้มาก ส.ส.จะกลับมามีค่ามีราคา ก๊กก๊วนการเมืองส.ส.กลุ่มต่างๆจะกลับมาสยายปีก ใครรวมเสียงส.ส.ได้6-7 ก็สามารถมาต่อรองเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีได้ ผิดกับการเลือกตั้งแบบใบเดียวคะแนนส่วนใหญ่มาจากความนิยมในตัวนายกฯกับคะแนนความนิยมในตัวพรรคการเมือง ทุกคะแนนถูกนำมาคิดทุกเสียงมีค่ามีความหมาย เพราะถูกเอามาคำนวณหมดไม่มีตกหล่นให้เสียของ
“ ขอเรียนฝากไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ถึงส.ส.ในสภาและประชาชน ท่านอย่าไปกลัวการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว โอเคมันอาจจะทำให้มีพรรคเล็กๆจำนวนมาก มีส.ส.ปัดเศษบ้าง แต่ในภาพรวมมันก็ดีกว่าระบบเลือกตั้งแบบ 2 ใบ อันนั้นถ้าเป็นจริงหายนะเลยครับ ทักษิณคัมแบ๊กโทนี่มาแน่ และพรรคการเมืองใหญ่ก็สามารถใส่ชื่อนักการเมืองเลวๆ เข้ามาในบัญชีรายชื่อได้เลย เหมือนอย่างที่เราเคยได้ส.ส.กเฬวรากเข้ามาเป็นผู้แทน โอเคถ้าเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวเหมือนปี 2562 เราอาจได้พรรคก้าวไกลกลับมา แต่เชื่อผมเถอะว่า พรรคสามนิ้วถึงแม้มันจะด่าเจ้าด่าสถาบัน ถึงแม้จะมีการเอาเด็กมาก่อกวนบ้านเมือง แต่พวกนี้ความเลวร้ายระบบคิดมันไม่ลึกไปไม่ไกล และเราก็พิสูจน์แล้วว่าเอาอยู่ แต่ถ้าปล่อยให้ทักษิณอำนาจเก่ากลับมาได้ บ้านเมืองเราบรรลัยแน่ เพราะโกงถึงรากลึกโกงกินแหลกลาญ โหดเหี้ยมอำมหิต ใช้วิธีการไปถึงเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์ เรื่องนี้นายกฯต้องรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง อย่าปล่อยให้ลูกพรรคท่านจูงจมูกได้ ” หมอวงค์กล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายธันวา ไกรฤกษ์ สมาชิกพรรคกล้า เคยโพสต์ FB เตือนลุงตู่แบบน่าฟัง “ ไม่แน่ใจว่าลุงได้ยินที่หลายๆคน บอกรึเปล่าว่าการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นความต้องการพรรคการเมือง และเป็นเรื่องของนักการการเมือง ไม่ใช่ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และมีแนวโน้มการเกิดเผด็จการรัฐสภาเหมือนในอดีต พรรคการเมืองบางพรรคมีสิทธิกลับมาด้วยระบบการเลือกตั้งแบบ “ บัตร 2 ใบ” ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในอดีตที่อยู่ต่างประเทศ พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เลือกตั้งครั้งล่าสุดพรรคที่สนับสนุนลุงเป็นนายกยังแทบเอาตัวไม่รอด กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ยากเย็นแค่ไหนคงจำได้ดี ทั้งที่กติกามันเอื้อประโยชน์แบบสุดๆขนาดนั้น แล้วทีนี้จะมาเปลี่ยนกลับไปเป็นบัตร 2 ใบ บอกเลยว่าต่อให้มีพี่แป้งก็เอาไม่อยู่ เพราะตอนนี้ประชาชนเข็ดหลาบกับการบริหารด้วยรัฐมนตรีหน้าตาห่วยๆ จะใช้กระสุนดินดำเท่าไหร่คนก็ไม่เอาแล้ว สุดท้ายถ้าทักษิณได้กลับมาเพราะบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือลุง ที่ปล่อยผ่านให้ลิ่วล้อแก้เพียงเพื่อเอื้อประโยชน์ตนเอง แต่กลายเป็นหน้าโง่แพ้ให้คนแดนไกล หรือไม่ก็รวมหัวกันฮั้วลับหลังลุง อย่าไปกลัวว่ากติกาเดิมมันเป็นประโยชน์ต่อพรรคล้มเจ้า อย่าไปกลัวว่าจะได้ส.ส.แบบเต้ท้าต่อย เพราะส.ส.ปัดเศษดีๆอย่างหมอระวีก็มีเหมือนกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นห่วงเกมส์เล็กแต่ไปแพ้เกมส์ใหญ่ ถ้าไม่รู้จักฟังเสียงตักเตือน แทนที่ลุงจะได้วางมืออย่างวีรบุรุษ อาจจะกลายเป็นโมฆะบุรุษแทนนะครับ ผมขอฝากไว้ให้คิดด้วยความปรารถนาดี และเชื่อมั่นว่าลุงรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่ลุงต้องเด็ดขาดและทันเกมส์นักการเมืองด้วย ซึ่งที่ผ่านมามันชัดมากพอแล้วว่าลุงเชื่อใจนักการเมืองมากเกินไป เอาพวกเขาไม่อยู่ ผมห่วงว่าหากลุงวางมือไป พวกเหลือบไรก็จะย้อนกลับมารุมกัดกินประเทศอีก ดังนั้นอย่าเปิดช่องครับ
ด้านฝากฝั่ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ถือเป็นกลไกสำคัญชี้เป็นชี้ตายแก้ไขรัฐธรรมนูญหนนี้ เพราะการลงมติ 10 ก.ย. นี้จะใช้การออกเสียงลงคะแนน ด้วยวิธีขานชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยเกณฑ์ที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้รับความเห็นชอบ ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ของรัฐสภา (ส.ส.+ส.ว.) โดยในจํานวนดังกล่าว ต้องมี ส.ว. ลงมติเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของส.ว. และ ต้องได้เสียง จากส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่า 20% หากดูตามเงื่อนไขที่ว่านี้เสียงส.ส.ฝ่ายค้านไม่มีปัญหา เพราะพรรคเพื่อไทย 134 เสียง พร้อมเทให้บัตร 2 ใบแบบหมดหน้าตักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นความหวังล้มแก้รัฐธรรมนูญหนนี้จะอยู่ที่ส.ว.เท่านั้น ปัจจุบันมีส.ว.250 คน เพราะฉะนั้นต้องใช้เสียงส.ว.1 ใน 3 หรือประมาณ 83 คน จึงจะแก้ไขกลับไปบัตรเลือกตั้ง 2 ใบได้
ล่าสุดเสียงฝั่งส.ว.ที่เคยเงียบๆ ดูเหมือนวันนี้เริ่มตาสว่าง หลายคนออกมารับลูกส่งสัญญาณชัดว่าไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ ไม่ต้องการพาโจรกลับบ้านต่อสะพานให้คนโกงเข้ามาในประเทศไทยอีก หนึ่งในคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ชัดค้านแก้รัฐธรรมนูญหัวชนฝา คือ “บิ๊กเยิ้ม” พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 12 ของพล.อ.ประยุทธ์ ยืนกรานไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่วาระแรก มองว่าที่ใช้อยู่ปัจจุบันดีอยู่แล้วจะไปแก้ไขทำไมอีก โดยเรื่องระบบการเลือกตั้ง ทางผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีการพูดคุยวางแผนแก้ปัญหาต่างๆ ของรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ มีการคุยกันมาเป็นปี และคนที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็เคยมีประสบการณ์การร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้ว จนเห็นปัญหาต่างๆ จนทำออกมาให้ดีขึ้น ได้สิ่งที่ดีที่สุดมาอยู่แล้ว ในเมื่อมันดีอยู่แล้ว จะไปแก้ไขทำไม
ด้าน “ทนายวันชัย “ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ก็ระบุ เห็นสัญญาณคว่ำรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และนักการเมืองล้วนๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นเราเห็นว่า หากระบบแบบนี้มีข้อบกพร่อง และย้อนรอยกลับไปตั้งแต่ปี 40 ไม่ได้แก้ไขเพื่อเดินหน้า แต่เป็นการแก้ถอยหลัง และจนวันนี้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันระหว่างส.ว.เป็นจำนวนมากในทำนองว่าจะรับหรือไม่รับ แม้กระทั่งวันนี้ก็มีหลายกลุ่มที่พูดคุยกัน และเชื่อว่าในวันที่ 9 ก.ย. จะมีความชัดเจน แต่เท่าที่ตนติดตามมาโดยตลอดมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าอาจจะไม่รับร่างครั้งนี้ก็ได้ ฉะนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะแต่ละวันเป็นมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยตลอด
“วันนี้ วันพรุ่งนี้ แม้แต่วันที่ 9 ก.ย. หรือวันที่ 10 ก.ย. ก็เปลี่ยนแปลงได้ แต่ยืนยันว่าผมเห็นว่าสัญญาณไม่ปกติ เริ่มปรากฎมีในบรรดากลุ่มส.ว.ด้วยกัน แม้กระทั่งช่วงเช้าที่ผมมาถึงสภาฯ ก็มีหลายกลุ่มนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกัน ซึ่งจะให้ตอบสังคมว่าผ่านหรือไม่ ผมไม่กล้ายืนยัน เหมือนกับวาระ 2 เพราะในวาระ 2 ก็เริ่มมีปัญหาอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงบอกว่าให้ผ่านๆไปก่อน แต่จะผ่านหรือไม่ที่เป็นเรื่องจริงนั้น เชื่อว่าส.ว.จะตัดสินใจยืนข้างความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง……อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูจากการแลกเปลี่ยนของส.ว. มาจากความรู้สึกนึกคิดของพวกเรากันเอง และสัญญาณนี้เท่าที่ดูนั้นพบว่าจะไม่รับร่างแรงพอสมควร” นายวันชัยกล่าว
จับตาดูเปิดสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 เรื่องบัตรเลือกตั้งวันศุกร์ที่ 10 ก.ย.นี้ สุดท้ายปลายทางสภาจะลงมติเรื่องนี้อย่างไรจะผ่านแก้ไขรัฐธรรมนูญไปใช้บัตร 2 ใบ ตามที่พรรคใหญ่ต้องการแต่เป็นการเปิดทางแง้มประตูบ้านรับโทนี่ หรือส.ว.แต่งตั้งจะปลดวิกฤติกู้ศรัทธาปลดแอกใบสั่งจากนักการเมืองชั่วช้า ที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ด้วยการล้มแก้รัฐธรรมนูญเที่ยวนี้คว่ำเลือกตั้ง 2 ใบ ปิดทางพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งปิดฉากโทนี่กลับทวงคืนอำนาจ คนไทยทุกคนติดตามอยู่และเอาใจช่วยท่านปิดสวิทซ์ส.ส. อย่าให้ผู้แทนใช้นโยบายพวกมากลากไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสนองตัณหาความต้องการและผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเองเลย
/////////////////////