แก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ระวังเข้าทาง พา “โจร” กลับบ้าน

“ทักษิณคัมแบ๊ก...โทนี่มาแน่”  หมอวรงค์ออกโรงเตือนหายนะรออยู่ถ้าเปลี่ยนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ  ขอให้คนไทยตาสว่างสามนิ้วด่าเจ้าที่ว่าหนัก ยังไม่เท่าอำนาจเก่าระบอบบทั้งสิ้น โกงกินแหลกลาญ ใช้วิธีการโหดเหี้ยม ธันวาพรรคกล้า เตือนนายกฯต้องร็เท่าทันส์  ไม่งั้นแทนที่จะได้วางมืออย่างวีรบุรุษอาจต้องกลับบ้านแบบโมฆะบุรุษแทน  บุญของบ้านเมือง ส.ว.หลายคนส่งสัญญาณคว่ำ เหตุจับไต๋ทันแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเอง

ปิดฉากศึกซักฟอก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯพ่วง 5 รัฐมนตรีไปแล้วแบบผ่านฉลุย สรุปจบขบวนการคว่ำนายกฯแจกกล้วยลิงไปไม่ถึงฝั่งฝัน  เพราะถูกลูกพี่ใหญ่เจ้าของพรรคนายตัวจริงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์  รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตัวจริงเสียงจริงออกโรงเบรคระงับยับยั้งศึกกันไว้ก่อน  รัฐบาลเรือแป๊ะของพล.อ.ประยุทธ์จึงได้ไปต่อบริหารประเทศอีกคราว  แต่ผ่านศึกซักฟอกรอบนี้ก็ทำให้เรือแป๊ะมีรอยแตกร้าวลึกมากพอดู  เพราะเหตุที่นายท้ายเรืออย่าง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์  ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ดันหูเบาหลงผิดข้าศึกศัตรูที่เอาเงินมากองเอาทองมาล่อ สุดท้ายก็วางแผนเจาะรูให้น้ำเข้าเรือตัวเอง ดีที่ได้ยาแนวขั้นเทพชันมหาอุดตราลุงป้อม เจ้าของสโลแกน “ตู่ไป กูไป” มาช่วยได้ทัน เรือแป๊ะของกัปตันประยุทธ์เลยผ่านมรสุมลมแรงเอาตัวรอดไปได้แบบฉิวเฉียด แต่ก็ทำให้พล.อ.ประยุทธ์มีรอยตำหนิรัฐบาลมีเรื่องคาใจระหว่างกัน

ผ่านศึกซักฟอกมาได้ไม่เท่าไหร่  พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลเตรียมลุ้นหนักลุ้นเหนื่อยกันอีกครั้ง  รอบนี้ย้ายข้างสลับฝั่งมาเปิดศึกกันเองที่เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ  เพราะ 10 ก.ย.2564 อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้  จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ม. 83 และ ม. 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง วาระที่ 3  รอบนี้คาดว่าคงดุเดือดเลือดพล่านไม่แพ้กัน หนำซ้ำจะซัดกันหนักซัดกันแรงกว่าศึกซักฟอกเมื่อ 31 ส.ค.- 4 ก.ย. 2564 อีก เพราะคราวนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์เรื่องอนาคตทางการเมืองล้วนๆ  นั้นเพราะการแก้ไขกฎหมายสูงสุดของบ้านเมืองเที่ยวนี้เป็นเรื่องระบบเลือกตั้งที่ยึดโยงกับอนาคตของบ้านเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับ ม. 83 มีสาระสำคัญ ให้มีส.ส. จำนวน 500 คนประกอบด้วย ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และ ส.ส.จากบัญชีรายชื่อ 100 คน   ส่วน ม. 91 สาระสำคัญ คือ การคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งนี้กมธ. ได้ปรับเพิ่มวรรคสอง ระบุให้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ การรออกเสียงลงคะแนนน การนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลเลือกตั้ง และการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. คือต้องไปรอดูในตอนเขียนกฎหมายลูก

ทั้ง 2 มาตราที่ว่าคือหัวใจสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ ซึ่งที่ผ่านมาบรรดาพรรคการเมืองใหญ่ นำโดยพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เป็น 3 พรรคใหญ่ที่ต้องการแก้ไขระบบการเลือกตั้งแบบใบเดียว คะแนนส.ส.เขตใช้วิธีคิดเหมือนเดิมใครได้คะแนนเขตไหนมากสุดก็เป็นส.ส.เขตนั้นตามปกติ  แต่การคิดคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อให้ใช้การคิดแบบพึงมี ที่จะมีเพดานจำกัดว่าแต่ละพรรคจะมีส.ส.ได้เท่าไหร่ โดยคำนวณจาก 1.หาจำนวนบัตรดีทั้งประเทศ 2.หาร 500  ( จำนวนส.ส.ในสภา) 3.เอาเลขที่ได้ในข้อ 2  ไปเป็นตัวหารคะแนนของพรรค จากนั้นไปบวกลบคูณหารตามสูตรการคิด  ด้วยเหตุนี้การเลือกตั้งแบบใช้บัตรใบเดียวจากรัฐธรรมนูญ 2560  เหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี  2562 ที่ผ่านมาจึงทำให้พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กไม่เสียเปรียบพรรคการเมืองใหญ่  และทำให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย โดยคะแนนเสียงส่วนใหญ่จะมาจากความนิยมชมชอบในตัวนายกฯและตัวพรรคเป็นหลักไม่ได้มาจากตัวส.ส.เขต  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พรรคเล็กและพรรคเกิดใหม่มีโอกาสได้คะแนนมากขึ้นเพราะทุกคะแนนมีค่ามีความหมาย   ตรงนี้จึงทำให้พรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล และพรรคขนาดเล็กส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งโดยใช้บัตรใบเดียวมากกว่าบัตรสองใบ   ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก   ถึงขนาดแบ่งออกเป็นสองข้างด้านหนึ่งพรรคใหญ่มีพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำต้องการแก้ไขเลือกตั้งกลับไปเป็นบัตร 2 ใบ เขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน ขณะที่พรรคขนาดกลางกับเล็กภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล ยืนยันต้องการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียวคิดคะแนนแบบปี 2562

หัวใจสำคัญที่หลายคนหลายวงการไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บัตรเลือกตั้งจากใบเดียวไปเป็นสองใบ เพราะเกรงว่าถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆ พรรคที่เป็นต้นทางกระสันอยากแก้รัฐธรรมนูญจนตัวสั่นอย่างพรรคพลังประชารัฐ  จะหลงกลตกหลุมพรางของพรรคตาอยู่อย่างพรรคเพื่อไทย  ที่ลูบปากหวังจังหวะสองรอจังหวะเสียบเรื่องนี้อยู่   อย่าลืมว่าการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562   ขนาดพล.อ.ประยุทธ์มีช้างม้าวัวควายมีบารมีเต็มเปี่ยมมีอำนาจเต็มมือ  มีทั้งเงินมีทั้งปืนมีกฎหมายอยู่ในมือครบก็ยังเอาชนะพรรคเพื่อไทยเลย  ผลการเลือกตั้ง 136 เสียงกับ 116 เสียงเป็นคำตอบชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว  มารอบนี้กระแสก็ตก โควิด-19 ก็ฉุด  ขาลงคนเบื่อ สารพัดปัจจัยลบ ฯลฯ จะเอาปัญญาที่ไหนไปชนะพรรคดาวเทียมนายโทนี่  ครั้นจะหวังพลังภายในจากผู้กองแป้งท่อน้ำเลี้ยงจาก ร.อ.ธรรมนัสก็ยังไม่ชัวร์ยังไม่รู้ว่า ถึงเวลาจริงๆพ่อทูลหัวจะอยู่ข้างไหน จะเทคะแนนไปให้ใคร ขนาดศึกซักฟอกคนกันเองลูกพี่แท้ๆ ยังวางแผนทำลายเลื่อยขากันลงได้  อนาคตถ้านายโทนี่ต่อสายกลับมาจริงไม่อ่อนเป็นเทียนไขถูกไฟลนกันเลยรึ  เพราะฉะนั้นจะไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าจากผู้กองแป้งดูแล้วเสียวถูกแกง

คนนี้ออกมาดักคอรู้ทันแม้วแต่เนิ่นๆ คือ “หมอวรงค์”  น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี  ออกมาเตือนสติพล.อ.ประยุทธ์อย่าไปตามใจพรรคร่วมรัฐบาลจนลืมผลประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง แม้แต่คนในพรรคพลังประชารัฐเองก็ห้ามไปเออออห่อหมกด้วย พวกนักการเมืองส่วนใหญ่ก็จะเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง  ถ้าแก้รัฐธรรมนูญตามนี้เชื่อมั่นได้เลยว่าทักษิณคัมแบ๊กโทนี่กลับมาแน่  ทั้งนี้เพราะการเลือกตั้งบัตร 2 ใบมันอาศัย 3 อย่าง 1.เงินถึง 2.เครือข่ายบริหารจัดการ (หัวคะแนน) 3. อำนาจ  ใครมีมากใครมีถึงกว่าคนนั้นชนะ   มั่นใจว่าถ้าแก้เป็นบัตรเลือกตั้งเป็น  2 ใบ เลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการซื้อเสียงกันอย่างมโหฬารแจกล้วยกันอุตลุต ใครมีเงินมากกว่าก็สามารถซื้อตัวกวาดต้อนผู้แทนไปได้มาก  ส.ส.จะกลับมามีค่ามีราคา  ก๊กก๊วนการเมืองส.ส.กลุ่มต่างๆจะกลับมาสยายปีก   ใครรวมเสียงส.ส.ได้6-7 ก็สามารถมาต่อรองเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีได้  ผิดกับการเลือกตั้งแบบใบเดียวคะแนนส่วนใหญ่มาจากความนิยมในตัวนายกฯกับคะแนนความนิยมในตัวพรรคการเมือง  ทุกคะแนนถูกนำมาคิดทุกเสียงมีค่ามีความหมาย เพราะถูกเอามาคำนวณหมดไม่มีตกหล่นให้เสียของ

“ ขอเรียนฝากไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ถึงส.ส.ในสภาและประชาชน  ท่านอย่าไปกลัวการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว โอเคมันอาจจะทำให้มีพรรคเล็กๆจำนวนมาก มีส.ส.ปัดเศษบ้าง  แต่ในภาพรวมมันก็ดีกว่าระบบเลือกตั้งแบบ 2 ใบ  อันนั้นถ้าเป็นจริงหายนะเลยครับ ทักษิณคัมแบ๊กโทนี่มาแน่ และพรรคการเมืองใหญ่ก็สามารถใส่ชื่อนักการเมืองเลวๆ เข้ามาในบัญชีรายชื่อได้เลย เหมือนอย่างที่เราเคยได้ส.ส.กเฬวรากเข้ามาเป็นผู้แทน โอเคถ้าเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวเหมือนปี 2562 เราอาจได้พรรคก้าวไกลกลับมา แต่เชื่อผมเถอะว่า พรรคสามนิ้วถึงแม้มันจะด่าเจ้าด่าสถาบัน ถึงแม้จะมีการเอาเด็กมาก่อกวนบ้านเมือง แต่พวกนี้ความเลวร้ายระบบคิดมันไม่ลึกไปไม่ไกล และเราก็พิสูจน์แล้วว่าเอาอยู่  แต่ถ้าปล่อยให้ทักษิณอำนาจเก่ากลับมาได้ บ้านเมืองเราบรรลัยแน่  เพราะโกงถึงรากลึกโกงกินแหลกลาญ  โหดเหี้ยมอำมหิต ใช้วิธีการไปถึงเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงชีวิตมนุษย์ เรื่องนี้นายกฯต้องรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกง  อย่าปล่อยให้ลูกพรรคท่านจูงจมูกได้ ”  หมอวงค์กล่าว

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายธันวา ไกรฤกษ์  สมาชิกพรรคกล้า เคยโพสต์ FB เตือนลุงตู่แบบน่าฟัง   “ ไม่แน่ใจว่าลุงได้ยินที่หลายๆคน บอกรึเปล่าว่าการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นความต้องการพรรคการเมือง และเป็นเรื่องของนักการการเมือง ไม่ใช่ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน  และมีแนวโน้มการเกิดเผด็จการรัฐสภาเหมือนในอดีต พรรคการเมืองบางพรรคมีสิทธิกลับมาด้วยระบบการเลือกตั้งแบบ “ บัตร 2 ใบ”   ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในอดีตที่อยู่ต่างประเทศ   พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เลือกตั้งครั้งล่าสุดพรรคที่สนับสนุนลุงเป็นนายกยังแทบเอาตัวไม่รอด กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ยากเย็นแค่ไหนคงจำได้ดี ทั้งที่กติกามันเอื้อประโยชน์แบบสุดๆขนาดนั้น  แล้วทีนี้จะมาเปลี่ยนกลับไปเป็นบัตร 2 ใบ บอกเลยว่าต่อให้มีพี่แป้งก็เอาไม่อยู่ เพราะตอนนี้ประชาชนเข็ดหลาบกับการบริหารด้วยรัฐมนตรีหน้าตาห่วยๆ จะใช้กระสุนดินดำเท่าไหร่คนก็ไม่เอาแล้ว  สุดท้ายถ้าทักษิณได้กลับมาเพราะบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือลุง ที่ปล่อยผ่านให้ลิ่วล้อแก้เพียงเพื่อเอื้อประโยชน์ตนเอง แต่กลายเป็นหน้าโง่แพ้ให้คนแดนไกล หรือไม่ก็รวมหัวกันฮั้วลับหลังลุง    อย่าไปกลัวว่ากติกาเดิมมันเป็นประโยชน์ต่อพรรคล้มเจ้า อย่าไปกลัวว่าจะได้ส.ส.แบบเต้ท้าต่อย เพราะส.ส.ปัดเศษดีๆอย่างหมอระวีก็มีเหมือนกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นห่วงเกมส์เล็กแต่ไปแพ้เกมส์ใหญ่  ถ้าไม่รู้จักฟังเสียงตักเตือน แทนที่ลุงจะได้วางมืออย่างวีรบุรุษ  อาจจะกลายเป็นโมฆะบุรุษแทนนะครับ ผมขอฝากไว้ให้คิดด้วยความปรารถนาดี และเชื่อมั่นว่าลุงรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  แต่ลุงต้องเด็ดขาดและทันเกมส์นักการเมืองด้วย ซึ่งที่ผ่านมามันชัดมากพอแล้วว่าลุงเชื่อใจนักการเมืองมากเกินไป เอาพวกเขาไม่อยู่ ผมห่วงว่าหากลุงวางมือไป พวกเหลือบไรก็จะย้อนกลับมารุมกัดกินประเทศอีก ดังนั้นอย่าเปิดช่องครับ

ด้านฝากฝั่ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ถือเป็นกลไกสำคัญชี้เป็นชี้ตายแก้ไขรัฐธรรมนูญหนนี้ เพราะการลงมติ 10 ก.ย. นี้จะใช้การออกเสียงลงคะแนน ด้วยวิธีขานชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยเกณฑ์ที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้รับความเห็นชอบ ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ของรัฐสภา  (ส.ส.+ส.ว.)   โดยในจํานวนดังกล่าว ต้องมี ส.ว. ลงมติเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของส.ว. และ ต้องได้เสียง จากส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่า 20%   หากดูตามเงื่อนไขที่ว่านี้เสียงส.ส.ฝ่ายค้านไม่มีปัญหา เพราะพรรคเพื่อไทย 134 เสียง พร้อมเทให้บัตร 2 ใบแบบหมดหน้าตักอยู่แล้ว  เพราะฉะนั้นความหวังล้มแก้รัฐธรรมนูญหนนี้จะอยู่ที่ส.ว.เท่านั้น  ปัจจุบันมีส.ว.250 คน  เพราะฉะนั้นต้องใช้เสียงส.ว.1 ใน 3 หรือประมาณ 83 คน จึงจะแก้ไขกลับไปบัตรเลือกตั้ง  2 ใบได้

ล่าสุดเสียงฝั่งส.ว.ที่เคยเงียบๆ  ดูเหมือนวันนี้เริ่มตาสว่าง หลายคนออกมารับลูกส่งสัญญาณชัดว่าไม่อยากแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้  ไม่ต้องการพาโจรกลับบ้านต่อสะพานให้คนโกงเข้ามาในประเทศไทยอีก   หนึ่งในคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ชัดค้านแก้รัฐธรรมนูญหัวชนฝา  คือ “บิ๊กเยิ้ม” พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 12 ของพล.อ.ประยุทธ์     ยืนกรานไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่วาระแรก  มองว่าที่ใช้อยู่ปัจจุบันดีอยู่แล้วจะไปแก้ไขทำไมอีก โดยเรื่องระบบการเลือกตั้ง ทางผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้มีการพูดคุยวางแผนแก้ปัญหาต่างๆ ของรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้   มีการคุยกันมาเป็นปี และคนที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็เคยมีประสบการณ์การร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้ว จนเห็นปัญหาต่างๆ จนทำออกมาให้ดีขึ้น ได้สิ่งที่ดีที่สุดมาอยู่แล้ว ในเมื่อมันดีอยู่แล้ว จะไปแก้ไขทำไม

ด้าน “ทนายวันชัย “  นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)  ก็ระบุ เห็นสัญญาณคว่ำรัฐธรรมนูญ  โดยระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และนักการเมืองล้วนๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้นเราเห็นว่า หากระบบแบบนี้มีข้อบกพร่อง และย้อนรอยกลับไปตั้งแต่ปี 40  ไม่ได้แก้ไขเพื่อเดินหน้า แต่เป็นการแก้ถอยหลัง และจนวันนี้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันระหว่างส.ว.เป็นจำนวนมากในทำนองว่าจะรับหรือไม่รับ แม้กระทั่งวันนี้ก็มีหลายกลุ่มที่พูดคุยกัน และเชื่อว่าในวันที่ 9 ก.ย. จะมีความชัดเจน แต่เท่าที่ตนติดตามมาโดยตลอดมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าอาจจะไม่รับร่างครั้งนี้ก็ได้ ฉะนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป  เพราะแต่ละวันเป็นมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยตลอด

“วันนี้ วันพรุ่งนี้ แม้แต่วันที่ 9 ก.ย. หรือวันที่ 10 ก.ย. ก็เปลี่ยนแปลงได้ แต่ยืนยันว่าผมเห็นว่าสัญญาณไม่ปกติ เริ่มปรากฎมีในบรรดากลุ่มส.ว.ด้วยกัน แม้กระทั่งช่วงเช้าที่ผมมาถึงสภาฯ ก็มีหลายกลุ่มนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกัน ซึ่งจะให้ตอบสังคมว่าผ่านหรือไม่ ผมไม่กล้ายืนยัน เหมือนกับวาระ 2 เพราะในวาระ 2 ก็เริ่มมีปัญหาอยู่แล้ว ฉะนั้นเขาจึงบอกว่าให้ผ่านๆไปก่อน แต่จะผ่านหรือไม่ที่เป็นเรื่องจริงนั้น เชื่อว่าส.ว.จะตัดสินใจยืนข้างความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง……อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูจากการแลกเปลี่ยนของส.ว. มาจากความรู้สึกนึกคิดของพวกเรากันเอง และสัญญาณนี้เท่าที่ดูนั้นพบว่าจะไม่รับร่างแรงพอสมควร” นายวันชัยกล่าว

จับตาดูเปิดสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 เรื่องบัตรเลือกตั้งวันศุกร์ที่ 10 ก.ย.นี้  สุดท้ายปลายทางสภาจะลงมติเรื่องนี้อย่างไรจะผ่านแก้ไขรัฐธรรมนูญไปใช้บัตร 2 ใบ ตามที่พรรคใหญ่ต้องการแต่เป็นการเปิดทางแง้มประตูบ้านรับโทนี่   หรือส.ว.แต่งตั้งจะปลดวิกฤติกู้ศรัทธาปลดแอกใบสั่งจากนักการเมืองชั่วช้า  ที่เห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม    ด้วยการล้มแก้รัฐธรรมนูญเที่ยวนี้คว่ำเลือกตั้ง 2 ใบ  ปิดทางพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งปิดฉากโทนี่กลับทวงคืนอำนาจ  คนไทยทุกคนติดตามอยู่และเอาใจช่วยท่านปิดสวิทซ์ส.ส.   อย่าให้ผู้แทนใช้นโยบายพวกมากลากไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสนองตัณหาความต้องการและผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเองเลย

/////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ดร.เอ้ สุชัชวีร์ " แถลงการณ์ ยันลาออกปชป. ลั่นไม่ได้ขัดแย้ง แต่ไปเพราะอุดมการณ์
"ฮุน มาเนต" อวยสุด ไม่มีพรรคการเมืองแทนที่ CPP ได้ เชื่อชาวกัมพูชา ยังต้องการ ฮุน เซน เป็นรากฐานมั่นคง
"อดีตผู้พิพากษาอาวุโส” ศาลฏีกา ขยายความ เหตุพยานกลุ่มแพทย์พยาบาล รักษา "ทักษิณ" โดนเรียกไต่สวน วันนี้
"อุตุฯ" เตือน 41 จังหวัด รับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก กทม.ก็ไม่รอด
ทีมกรมที่ดินพา "น้อง AI-Din" คว้ารางวัลชนะเลิศสูงสุดในโครงการ Tech for Gov: NextGen GovAI Training Program
"บิ๊กโจ๊ก" ยื่นเรื่อง ขอให้ประธานศาลปกครองสูงสุด ตรวจสอบตุลาการเจ้าของสำนวน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) บานกระจกนับหมื่นแปลงแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าในซินเจียง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเปิดตัว 'หุ่นยนต์กำจัดวัชพืช' ด้วยเลเซอร์อัจฉริยะ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เรือพลังแอมโมเนีย 'ลำแรกของโลก ้เปิดเที่ยวปฐมฤกษ์ในจีน
"อธิบดีกรมฝนหลวงฯ" ร่วมสนับสนุน "มังคุดคัดภาคใต้" เพิ่มช่องทางการจำหน่าย-กระจายสินค้าเกษตรตรงสู่ผู้บริโภค

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น