( 27 ก.พ. 67) พระครูโฆษิตปิยธรรม เจ้าคณะตำบลหน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายนรนาถ การะนนท์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฉะเชิงเทรา และ พ.ต.ท.อรรณพ จันทร์ภักดี สวป.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา นำกำลังเข้าตรวจสอบ ป่ารกร้างริมถนนสุวินทวงศ์ ซอยหมออนันต์ ม.3 ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา หลังมีชาวบ้านร้องเรียนพบเห็น ชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์เดินเข้าออก บริเวณจุดทิ้งขยะจุดดังกล่าวอย่างน่าสงสัยเกรงว่าจะเป็นพระปลอมกำลังเจ้าหน้าที่ ต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าลึกประมาณ 50 เมตร ก่อนจะพบเพิงพักชั่วคราว มีหนามจากต้นสะแกกั้นไว้ลักษณะทำเป็นรั้วทางเดินเข้าถึงเพิงพัก หากเดินไม่ถูกทางจะต้องเสียเวลาเพราะติดรั้วหนาม ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปถึง พบชาย 4 คน ที่ยังนุ่งเหลืองห่มเหลืองนอนหลับพักอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนี เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมชายแต่งกายคล้านพระไว้ได้ 2 รูป คือพระเจ๊าะ อายุ 40 ปี และพระหลัด อายุ 22 ปี ส่วนที่วิ่งหนีเข้าป่าลึกไปอีก 2 รูป คือพระเน็ท อายุ 24 ปีและพระรด อายุ 45 ปี โดยพระทั้ง 4 รูป มีหนังสือรับรองการบวชมาจากประเทศกัมพูชา แต่ไม่มีหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งจากการตรวจสอบโดยรอบพบจีจรตากอยู่บนราวตากผ้า บาตร ย่าม ที่นอนที่อยู่ในเพิงพัก และการทำอาหารหุงข้าวโดยใช้บาตรพระจุดไฟด้วยฟืน อาหารถุงและขวดน้ำที่ด้านในเป็นน้ำจากบ่อที่กรอกไว้เพื่อนำมาอาบ บริเวณพื้นที่โล่งด้านข้างที่พักที่มีพระพุทธรูป ธูปและน้ำดื่ม เครื่องเซ่นไหว้ คล้ายที่ประกอบพิธี มีรูปชายไทย และหญิงไทย 2 คน ที่ถูกกล่าวอ้างว่ามาจ้างทำพิธี
ชาวบ้านสังเกตเห็นพฤติกรรมชายแต่งกายคล้ายพระ นั่งวินมาลงเดินเข้าออกป่าหญ้ารกทึบ เป็นประจำทุกวัน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบเป็นพระกัมพูชา แต่หลบหนีเข้าเมือง เข้าไปบิณฑบาตตลาดกลางเมืองแปดริ้ว ก่อนที่เจ้าคณะตำบลที่ตามไปจับทำการจับสึกกลางป่า ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีข้อหาลักลอบเข้าเมือง ด้านพระกัมพูชาเผย รายได้ดีกว่าอยู่บ้านได้วันละ 6-700 บาทส่วนอาหารแบ่งให้วินรับจ้าง นอกจากนี้ยังมีวิชามหาเสน่ห์เรียกผัวกลับมาให้เมียหลวง เผยทำมาเป็นร้อยทั้งชาวไทยและคนกัมพูชา จึงต้องถางป่าวางพุทธรูปเพื่อใช้ประกอบพิธี จากรูปถ่ายที่คนทำให้มาทำคุณไสย
ข่าวที่น่าสนใจ
พระครูโฆษิตปิยธรรม เจ้าคณะตำบลหน้าเมือง หลังเดินทางมาถึง ได้ทำการสอบถามพระทั้ง 2 รูป มาจากที่ไหนมาอยู่ตรงจุดนี้ได้อย่างไร ก่อนจะชี้แจงและทำการสึกพระทั้ง 2 รูป โดยให้เหตุผลกับชายทั้ง 2 คนว่า มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีถิ่นฐานที่อยู่อาศัยที่แน่นอน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันทำลายเพิงพัก บริเวณนั้นทั้งหมด กันพระที่หลบหนีไปหรือมีพระกัมพูชา เข้ามาอาศัยหลับนอนยังจุดดังกล่าว (มีตอนกล่าวคำให้สึก) พ.ต.ท.อรรณพ จันทร์ภักดี สวป.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะได้คุมตัวชายทั้งสองคน ไปทำประวัติที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนส่งตัวไป ตม.ให้เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องทำการผลักดันกลับประเทศต่อไป
พระเจ๊าะ หรือนายเจ๊าะ อายุ 40 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจากจังหวัดระยอง มาอยู่ที่ป่าแห่งนี้ได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ที่รู้เพราะเคยมีพระจากประเทศเดียวกันมาอยู่ก่อนหน้า วนเวียนกันไปมา ตอนเข้าก็จะเดินออกจากป่า ไปเรียกวินรถจักรยานยนต์ บริเวณศาลารอรถริมทางถนนสุวินทวงศ์ ก่อนจะเข้าไปเดินบิณฑบาต ภายในตัวเมืองแปดริ้วที่ตลาดบ่อบัว และตลาดดอนทอง จะได้เงินจากญาติโยมวันละประมาณ 7-800 บาท แล้วก็จะเรียกวินรถจักรยานยนต์ให้มาส่งยังจุดเดิม ก่อนจะแบ่งอาหารที่ได้มาให้วินรถจักรยานยนต์ และให้ค่าจ้าง 50 บาท ส่วนพื้นที่โล่งด้านข้างป่าที่พักที่มีพระพุทธรูป ตั้งอยู่นั้นตนเองไปถางเอาไว้ เพื่อใช้ประกอบพิธีทางไสยศาสตร์เมตตา เสน่ห์ชู้สาว โดยรูปในย่ามของตน เป็นหญิงคนไทยที่ สามีไปมีเมียน้อย ตนเองจึงประกอบพิธีให้สามี ของหญิงคนดังกล่าวกลับมา ตนเองพอมีวิชาเสน่ห์คุณไสย ทำให้กับหญิงชาวไทยและคนกัมพูชา มาแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยคน โดยคนที่รู้ก็จะบอกปากต่อปาก ส่วนคนไทยก็จะรู้ว่าตนเป็นพระเขมร ให้คนกัมพูชาโทรศัพท์มานัดตนให้ช่วยประกอบพิธี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็มีคนไทยมารับตน ให้ไปประกอบพิธีให้ แถววัดแห่งหนึ่ง (วัดสนามช้าง) ในพื้นที่ตำบลเสม็ดใต้ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง