Titleist เปิดตัวชุดเหล็ก T-Series รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ โดยถูกวิศวกรรมมาเพื่อมอบประสิทธิภาพ ความสม่ำเสมอ และความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ในทุกครั้งที่ปะทะลูก ตระกูลเหล็ก T-Series รุ่นใหม่นี้ประกอบด้วย T100, T150 และ T350 รวมถึงโมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง T250 ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อการเป็นเหล็กทัวร์ตีไกลรุ่นใหม่ พร้อมด้วยโมเดล T250 Launch Spec ที่เข้ามาเพิ่มเติมอยู่ในไลน์อัพ T-Series สำหรับการตอบโจทย์ผู้เล่นเพิ่มเติม ภายใต้โครงสร้างของ T250
เหล็กทุกรุ่นถูกออกแบบมาตามแคเรกเตอร์ประสิทธิภาพที่เฉพาะตัว แต่ขณะเดียวกันได้ถูกสร้างให้สามารถผสมผสานกับอีกรุ่นในถุงได้อย่างไร้รอยต่อเช่นกัน
“เมื่อผมนึกถึงปรัชญาในการออกแบบชุดเหล็กของทีมเรา ทุกอย่างเริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า: เราจะทำให้นักกอล์ฟเล่นได้ดีขึ้นได้อย่างไร?” กล่าวโดย Josh Talge, Titleist’s Senior Vice President of Golf Club Marketing “ในไลน์อัพ T-Series รุ่นใหม่ เราไม่ได้แค่มีผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในทุกด้านเท่านั้น แต่เรายังมีเหล็กที่ตอบโจทย์สำหรับนักกอล์ฟที่จริงจังทุกรูปแบบ และถ้ามองให้ลึกลงไปอีก ทุกโมเดลถูกออกแบบโดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การช่วยให้นักกอล์ฟตีเข้าใกล้เป้าหมายได้บ่อยครั้งมากขึ้น”
ในฐานะแบรนด์ชุดเหล็กที่ถูกเลือกใช้มากที่สุด ใน PGA TOUR มา 11 ฤดูกาลติดต่อกัน รวมถึงยังคงสถิตินี้ดำเนินต่อไป Titleist เต็มไปด้วยข้อมูลที่เจาะลึกสำหรับขั้นตอนการออกแบบ จากตั้งแต่กลุ่มผู้เล่นที่ตีลูกได้ดีที่สุดของโลก ไปจนถึงนักกอล์ฟสมัครเล่นที่จริงจัง ผ่านเครือข่ายฟิตเตอร์ทั่วโลกของ Titleist
“เมื่อนำฟีดแบ็คทั้งหมดมาพิจารณา เราพบว่ามีเป้าหมายในการออกแบบที่ชัดเจนอยู่ 3 ข้อสำหรับ T-Series เจเนเรชันใหม่นี้” กล่าวโดย Marni Ines, Titleist’s Director of Iron Development “เราต้องการเพิ่มวิถีมุมเหินของเหล็กยาว เพิ่มความสม่ำเสมอของสปินในเหล็กกลาง และเหล็กสั้น และพัฒนาความสม่ำเสมอของระยะแคร์รี่สำหรับเหล็กทุกชิ้นตลอดทั้งเซ็ต แต่ละเหล็กจึงถูกสร้างให้สามารถตีได้ระยะ และวิถีความสูงของลูกที่เจาะจง รวมถึงความสามารถในการทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง”
เมื่อมาถึงเรื่องของคัสตอมฟิตติ้ง Titleist ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการปรับแต่งตาม 3 ปัจจัยหลัก หรือที่เรียกว่า 3D — ได้แก่ การควบคุมระยะ (Distance Control), การควบคุมทิศทาง (Dispersion) และมุมตกของลูก (Angle of Descent) — อย่างไรก็ตาม แนวคิดของ 3 D ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงปรัชญาสำหรับการฟิตติ้งเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนเป้าหมายสูงสุดในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยวิศวกรของ Titleist จะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพในทั้งสามด้านนี้ในทุกขั้นตอนของการออกแบบ และผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดยั้งในการยกระดับมาตรฐานการออกแบบเหล็กในทุกเจเนเรชั่นนี้ ได้กลายมาเป็นชุดเหล็ก T-Series รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ชุดเหล็ก T-Series รุ่นใหม่ มีกำหนดให้สามารถเริ่มฟิตติ้งที่ Titleist National Fitting Centre ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป และมีกำหนดวางตลาดพร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ โดยนักกอล์ฟสามารถจองฟิตติ้ง หรือหาสถานที่ฟิตติ้งใกล้เคียงได้ที่เว็บไซต์ www.Titleist.in.th
T100: THE MODERN TOUR IRON
อัดแน่นมาในใบเหล็กฟอร์จแบบหลากวัสดุ พร้อมรูปทรงอย่างที่ผู้เล่นระดับทัวร์ชื่นชอบ ชุดเหล็ก T100 รุ่นใหม่ มอบความแม่นยำ ความรู้สึกที่เหนือกว่า และประสิทธิภาพที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นตลอดทั้งเซ็ต “เป้าหมายในการออกแบบ T100 นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายในทุกโมเดลของเรา: นั่นคือการเพิ่มความสูงของวิถีมุมเหินในเหล็กยาว และเพิ่มความสม่ำเสมอของระยะแคร์รี่” กล่าวโดย Ines “T100 มีช่องด้านในแบบใหม่ในเหล็ก 3 และ 4 เพื่อเพิ่มวิถีมุมเหิน และจุดสูงสุดของวิถีลูก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับดีไซน์หน้าเหล็กหนาบางต่างระดับแบบใหม่, มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง และดีไซน์ร่องหน้าเหล็กแบบไล่ระดับ โดยทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อลดช่องว่างระยะจากด้านหน้า-ถึง-ด้านหลังให้แคบลงได้มากยิ่งขึ้น”
หนึ่งในการพัฒนาที่สำคัญที่สุดของ T100 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า คือ ประสิทธิภาพเมื่อตีจากรัฟ วิศวกรของ Titleist ได้ออกแบบร่องหน้าเหล็กให้มีพลังมากขึ้น ด้วยผนังร่องที่ชันขึ้นในเหล็กกลางถึงเหล็กสั้น (เหล็ก 7 ถึง PW) ซึ่งช่วยรักษาอัตราสปินเมื่อเล่นจากรัฟ หรือจากสภาพอากาศชื้น โดยทำให้นักกอล์ฟสามารถตีได้ระยะที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอขึ้น
T-Series รุ่นใหม่ทุกโมเดล มาพร้อมร่องหน้าเหล็กแบบไล่ระดับ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการเล่นจากหลากหลายสภาพสนาม ไม่ว่านักกอล์ฟจะใช้เซ็ตโมเดลแบบใดก็ตาม
T100 เป็นโมเดลเหล็กที่ถูกเลือกใช้มากที่สุดใน PGA TOUR นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 โดยผู้เล่นที่ใช้เหล็ก T100 ลงแข่งขัน อาทิ Ludvig Åberg, Russell Henley, Wyndham Clark และ Jordan Spieth รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆ อย่าง Justin Thomas และ Billy Horschel ที่ผสมโมเดล T100 อยู่ในเซ็ตของพวกเขา
ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยี
- ฟอร์จในดีไซน์อย่างที่ผู้เล่นต้องการ: T100 รุ่นใหม่มาพร้อมโครงสร้างใบแบบฟอร์จจากหลายวัสดุ และฐานเหล็กแบบมีมุมกระดอนหลายระดับ ที่ให้ความรู้สึกอันยอดเยี่ยมทั้งในจังหวะปะทะลูก และเมื่อผ่านพื้นหญ้า โดยมีรูปทรงขนาดกะทัดรัด พร้อมสันใบด้านบนบาง และออฟเซ็ตน้อย
- วิถีลูก และความมั่นคงที่เหนือกว่า: การถ่วงน้ำหนักด้วยทังสเตนความหนาแน่นสูงแบบแยกตำแหน่ง ร่วมกับโครงสร้างแบบ Dual-Cavity แบบไล่ระดับ สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคง การควบคุมวิถีลูก และระยะที่สม่ำเสมอได้อย่างยอดเยี่ยม
- ความเร็ว และสปินที่สม่ำเสมอ: ดีไซน์หน้าเหล็กหนาบางต่างระดับ (Variable Face Thickness-VFT) แบบใหม่ในเหล็ก 3 ถึง 7 ช่วยรักษาความเร็วลูก และวิถีมุมเหิน แม้ตีไม่โดนจุดกึ่งกลางหน้าเหล็ก ขณะที่ร่องหน้าเหล็กที่ให้พลังมากขึ้นในเหล็กกลางถึงเหล็กสั้น สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อตีจากรัฟหรือสภาพชื้น โดยให้การควบคุมสปินที่สม่ำเสมอ และลดโอกาสลูกที่จะลอยเกินระยะได้มากขึ้น
- เพิ่มวิถีมุมเหินของเหล็กยาว: การออกแบบช่องด้านในแบบใหม่ในเหล็ก 3 และ 4 ของ T100 ช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำลง เพื่อเพิ่มวิถีมุมเหิน และจุดสูงสุดของวิถีลูก นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มบอลสปีด เพื่อให้ช่องว่างระยะของเหล็กยาวแต่ละเบอร์มีความเหมาะสมมากขึ้นด้วย
องศาหน้าเหล็กของ T100 ที่ได้แรงบันดาลใจจากทัวร์
เหล็ก T100 รุ่นใหม่ถูกออกแบบให้มีองศาหน้าไม้ชันขึ้น 1 องศา (เหล็ก 7 ที่ 33 องศา) เมื่อเทียบกับ T100 รุ่นก่อนหน้า การปรับองศานี้เป็นผลมาจากคำร้องขอจากทั้งผู้เล่นใน PGA TOUR และ LPGA โดยใน PGA TOUR นักกอล์ฟจำนวนมากต้องการให้เพิ่มมุมกระดอนเล็กน้อยในรุ่น T100 ขณะที่ในฝั่ง LPGA ผู้เล่นหลายคนชื่นชอบรูปทรงที่ขนาดกะทัดรัดของ T100 (เมื่อเทียบกับ T150) แต่ต้องการองศาที่ชันขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มระยะ สำหรับองศาในปัจจุบันของ T100 สามารถใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับนักกอล์ฟทุกระดับ และยังสามารถดัดองศาให้ลดลง (เพื่อเพิ่มมุมกระดอน) หรือชันขึ้น (เพื่อเพิ่มระยะแคร์รี่) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เล่นระดับทัวร์ โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพใดๆ
T150: THE FASTER PLAYER’S IRON
เหล็ก T150 รุ่นใหม่ยังคงรักษาตำแหน่งในไลน์ T-Series ในฐานะเหล็กทัวร์ที่ให้ความเร็วสูงขึ้น รวมถึงยังให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ความมั่นคง และการควบคุมที่แม่นยำ พร้อมด้วยความเร็ว และวิถีมุมเหินที่สูงขึ้น ขณะที่รูปทรงของ T150 มีขนาดใหญ่กว่า T100 เล็กน้อย แต่ยังคงรูปลักษณ์ที่สะอาดตา และกะทัดรัดเมื่อจรดลูก
T150 ได้รับการพิสูจน์แล้วโดยระดับสูงสุดของการแข่งขันกอล์ฟอาชีพ เมื่อมีนักกอล์ฟระดับทัวร์เลือกใช้ T150 เป็นเหล็กโมเดลหลักในเซ็ตผสม เช่น Will Zalatoris หรือบางคนที่ใช้เป็นเหล็กยาว เพื่อต้องการวิถีมุมเหินที่สูงขึ้น เช่น Byeong-Hun An และ Aldrich Potgieter
Ines กล่าวว่า: “โครงสร้างของ T150 และ T100 ใกล้เคียงกันมาก ทั้งคู่ได้รับการพัฒนาในหลายจุดเหมือนกัน เช่น ร่องหน้าเหล็กแบบไล่ระดับ และดีไซน์หน้าเหล็กแบบหนาบางต่างระดับ (VFT) แต่ T150 มีขนาดใบที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย องศาชันกว่า รวมถึงช่องด้านในที่ถูกพัฒนาใหม่ในเหล็กกลางถึงเหล็กยาว ซึ่งช่วยให้นักกอล์ฟที่ใช้ T150 ได้ความเร็วและวิถีมุมเหินสูงขึ้น มากกว่าที่พวกเขาจะได้จาก T100”
ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยี
- รูปทรงที่เพิ่มความมั่นใจ พร้อมดีไซน์แบบฟอร์จ: T150 รุ่นใหม่มาพร้อมรูปลักษณ์คลาสสิก ในแบบที่ผู้เล่นระดับทัวร์ชื่นชอบ โดยมีขนาดใบใหญ่กว่า T100 เล็กน้อย เพื่อให้ความมั่นใจเมื่อจรดลูก รวมถึง T150 ยังผลิตขึ้นด้วยกระบวนการฟอร์จ เพื่อให้ความรู้สึกอันหนักแน่นในจังหวะปะทะลูก
- ความเร็ว และวิถีมุมเหินที่สูงขึ้น: T150 มีองศาหน้าเหล็กที่ชันกว่า T100 หนึ่งองศา และด้วยช่องด้านในที่ถูกพัฒนาใหม่ตั้งแต่เหล็ก 7 ขึ้นไป ช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงในเหล็กยาว ส่งผลให้ได้บอลสปีดที่เร็วขึ้น และวิถีความสูงของลูกที่สูงขึ้น
- วิถีลูก และความมั่นคงที่เหนือกว่า: ตำแหน่งของจุดศูนย์ถ่วงของ T150 ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ด้วยการถ่วงน้ำหนักทังสเตนความหนาแน่นสูงแบบแยกตำแหน่ง ร่วมกับโครงสร้าง Dual-Cavity แบบไล่ระดับ ซึ่งช่วยให้มีความมั่นคงที่สูงขึ้น ในรูปทรงขนาดใบที่กะทัดรัด
- ความเร็ว และสปินที่สม่ำเสมอ: การออกแบบหน้าเหล็กแบบหนาบางต่างระดับ (VFT) แบบใหม่ช่วยเพิ่มความเร็ว และวิถีมุมเหินจากทั่วทั้งหน้าไม้ ขณะที่ T150 ยังใช้ร่องหน้าเหล็กแบบไล่ระดับเช่นเดียวกับ T100 โดยมีผนังร่องที่ชันขึ้นในเหล็กกลางถึงเหล็กสั้น เพื่อเพิ่มความสม่ำเสมอของสปินในหลากหลายสภาพสนาม
T250: THE REDEFINED PLAYER’S DISTANCE IRON
T250 ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดจากจากรุ่นก่อนหน้า (T200) พร้อมกับเปลี่ยนชื่อ โดยมอบการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมระหว่างความเร็ว, วิถีมุมเหิน และการชดเชยความผิดพลาด ควบคู่ไปรูปลักษณ์ที่เฉียบคม และสะอาดตา จากโครงสร้างเหล็กทั้งชิ้นแบบใหม่ มีสันใบด้านบนที่หนาขึ้น และฐานกว้างกว่า เมื่อเทียบรุ่น T100 และ T150 ส่งผลให้ T250 จึงสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อจรดลูก ขณะเดียวกันยังคงความคลาสสิค และดีเอ็นเอรูปทรงอย่างที่ผู้เล่นชื่นชอบ แบบเดียวกันกับรุ่นที่มีขนาดใบกะทัดรัดกว่า
Ines กล่าวว่า: “สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดที่สุดใน T250 คือรูปลักษณ์ และนั่นเริ่มต้นมาจากทีมวิจัยและพัฒนาของเรา ที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Max Impact จากโครงสร้างที่้เป็นเหล็กทั้งชิ้น สิ่งนี้ทำให้เราสามารถออกแบบทุกโมเดลในไลน์อัพให้มีรูปลักษณ์ที่สอดคล้องกัน ซึ่งสำคัญมากต่อนักกอล์ฟที่ใช้เซ็ตชุดเหล็กที่มีการผสมระหว่างแต่ละรุ่น”
“ในด้านประสิทธิภาพ T250 โดดเด่นเรื่องความเร็ว แต่เป็นความเร็วที่สม่ำเสมอ” Ines กล่าวต่อ “เราไม่ต้องการให้ความเร็วเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด เราออกแบบมาเพื่อลดสิ่งนั้น โครงสร้างแบบมีโพรงด้านในของ T250 ทำให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความเร็ว และวิถีมุมเหินของลูก พร้อมทั้งรักษาความมั่นคง และความสม่ำเสมอในการตีจากทั่วทั้งหน้าเหล็กไปพร้อมกัน”
นับตั้งแต่เปิดตัวในทัวร์ เหล็กยาว T250 รุ่นใหม่ และยูทิลิตี้ T250•U ได้กลายเป็นตัวเลือกเหล็กยาวยอดนิยมของเซ็ตชุดเหล็กแบบผสมโมเดล นำมาโดย Justin Thomas ที่หยิบเหล็ก 4 T250 รุ่นใหม่ลงใส่ถุงทันทีในสัปดาห์ของรายการ Memorial Tournament ขณะที่ Wyndham Clark ก็ใส่เหล็ก 3 และ 4 T250 ใส่ถุงในสัปดาห์เดียวกันนั้น
ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยี
- ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์: เหล็ก T250 รุ่นใหม่ผลิตจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง ให้รูปลักษณ์ที่สะอาดตา ในขณะเดียวกันก็ซ่อนเทคโนโลยีประสิทธิภาพสูงของ T250 ไว้ภายใน
- ความเร็วที่สูงขึ้น: โครงสร้างหน้าเหล็กฟอร์จแบบ L-Face, จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง และการออกแบบหน้าเหล็กแบบ V-Taper ของ T250 ช่วยเพิ่มความเร็วลูก และวิถีมุมเหินของลูก เมื่อตีไม่โดนกลางหน้าเหล็ก และโดนบริเวณด้านล่างหน้าเหล็ก เพื่อให้ระยะทาง และวิถีความสูงของที่สม่ำเสมอ
- ความสม่ำเสมอที่ดียิ่งขึ้น: เทคโนโลยี Max Impact ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยเพิ่มระยะจากทั่วทั้งหน้าเหล็ก ขณะที่ร่องหน้าเหล็กแบบไล่ระดับของ T250 ช่วยให้การควบคุมสปินที่มีความเสถียรมากขึ้น
- วิถีลูก และความมั่นคงสูง: ผู้เล่นที่ใช้ T250 จะได้ประโยชน์จากการถ่วงน้ำหนักทังสเตนความหนาแน่นสูงแบบแยกตำแหน่ง ซึ่งช่วยจัดวางตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงได้อย่างแม่นยำ เพื่อเพิ่มวิถีมุมเหิน และความมั่นคง
T250 LAUNCH SPEC: THE HIGH-LAUNCH PLAYER’S DISTANCE IRON
T250 Launch Spec เป็นโมเดลใหม่ล่าสุดในตระกูล T-Series ที่มาพร้อมเทคโนโลยี และโครงสร้างแบบเดียวกับ T250 แต่ด้วยน้ำหนักใบเหล็กที่เบาลง และองศาหน้าเหล็กมากขึ้น เพื่อช่วยให้ตีลูกลอยง่ายขึ้น เพิ่มระยะแคร์รี่ สำหรับนักกอล์ฟที่มีวิถีลูกต่ำ และให้พลังมากขึ้นในการหยุดลูกบนกรีน
“T250 Launch Spec เป็นตัวเลือกใหม่ที่เราตื่นเต้นอย่างมาก เพราะมันคือการปรับแต่งประสิทธิภาพของ T-Series ให้เหมาะกับกลุ่มนักกอล์ฟที่กว้างมากยิ่งขึ้น” Ines กล่าว “เรามองเห็นโอกาสในไลน์อัพของเราสำหรับนักกอล์ฟความเร็วสวิงปานกลาง ที่ต้องการตัวช่วยในการสร้างวิถีมุมเหิน และไม่สามารถสร้างประสิทธิภาพการเล่นตามหลัก 3D ได้ หากปราศจากตัวช่วย T250 Launch Spec จึงนำเทคโนโลยีของเหล็กที่ให้ระยะในรุ่น T250 มาใช้ แต่ปรับองศา และน้ำหนักของใบเหล็ก ให้สามารถสร้างความเร็วลูกได้สูงขึ้น และมีวิถีลูกสูงมากกว่าเดิม”
T250 Launch Spec ถูกออกแบบมาเพื่อผู้เล่นที่ต้องการวิถีความสูงของลูกสูงสุด โดยเหล็ก 7 มีองศาหน้าเหล็กที่ 35 องศา ซึ่งมากกว่า T250 ที่มีองศา 30.5 องศา และน้ำหนักใบเหล็กเบากว่ารุ่น T250 ที่ 6 กรัม
T350: THE ULTIMATE GAME IMPROVEMENT IRON
ในไลน์อัพของ T-Series เหล็กรุ่น T350 คือรุ่นที่ให้ระยะทาง, การชดเชยความผิดพลาด และความเร็วสูงสุด โดยรูปลักษณ์ของ T350 ได้ถูกออกแบบใหม่ ด้วยโครงสร้างเหล็กทั้งชิ้นแบบเดียวกับ T250 ที่ทำให้โมเดลทั้งหมดมีรูปลักษณ์ที่ต่อเนื่องสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น เมื่อนำมาผสมอยู่ในเซ็ตเดียวกัน ขณะที่ภายในอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการเหล็กที่ชดเชยความผิดพลาดสูง ตีได้ไกล และให้วิถีมุมเหินสูง
Ines กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นใน T-Series แล้ว T350 มีขนาดใบเหล็กใหญ่ที่สุด หน้าไม้เร็วที่สุด และจุดศูนย์ถ่วงอยู่ลึกกว่า มันถูกออกแบบมาเพื่อนักกอล์ฟที่ต้องการระยะทาง และความมั่นคงสูงสุด รวมถึงเช่นเดียวกับ T250 เราสามารถสร้างใบเหล็กแบบมีโพรงด้านที่ให้ประสิทธิภาพสูง เป็นโครงสร้างเหล็กทั้งชิ้น ที่ช่วยให้ใบเหล็กดูสวยงามเช่นเดียวกับทุกรุ่นของซีรี่ส์”
ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยี
- ดีไซน์ที่สะอาดตาเป็นพิเศษ: เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังประสิทธิภาพของ T350 ถูกอัดแน่นใส่ไว้ใบเหล็กที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง พร้อมรูปลักษณ์ที่สวยงามสะอาดตา
- ระยะทางสูงสุด: T350 ใช้โครงสร้างหน้าไม้แบบ L-Face ร่วมกับดีไซน์หน้าเหล็กแบบหนาบางต่างระดับ (VFT) แบบแบ่งแยกหลายโซน เพื่อช่วยสร้างประสิทธิภาพวิถีลูกสูง เมื่อตีโดนด้านล่างของหน้าเหล็ก และช่วยสร้างความเร็วลูกสูงสุดจากทั่วทั้งหน้าไม้
- การชดเชยความผิดพลาด และความสม่ำเสมอที่เหนือกว่า: T350 ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Max Impact ที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ได้ระยะแคร์รี่ และทิศทางที่สม่ำเสมอมากขึ้น รวมถึงเช่นเดียวกันกับโมเดลอื่นของ T-Series ด้วยดีไซน์ร่องหน้าเหล็กแบบไล่ระดับ จึงทำให้ T350 สามารถสร้างสปินได้สม่ำเสมอมากขึ้น
- วิถีลูกสูงขึ้น: การใช้ทังสเตนความหนาแน่นสูงแบบแยกส่วนใน T350 ช่วยกระจายน้ำหนักในใบเหล็ก ให้สามารถวางจุดศูนย์ถ่วงได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มสร้างวิถีมุมเหิน ความมั่นคง และความสม่ำเสมอตลอดทั้งเซ็ต
T-SERIES ใน TOUR
ชุดเหล็กของ Titleist เป็นตัวเลือกที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดจากนักกอล์ฟระดับโลกมาอย่างยาวนาน โดยทั้ง 11 ฤดูกาลล่าสุด และ 20 จาก 21 ฤดูกาลที่ผ่านมา มีนักกอล์ฟใน PGA TOUR ใช้เหล็ก Titleist มากกว่าแบรนด์ใดๆ ขณะเดียวกันใน DP World Tour เหล็ก Titleist ก็ครองตำแหน่งแบรนด์ที่มีนักกอล์ฟเลือกใช้มากที่สุดติดต่อกันถึง 16 ฤดูกาลติดต่อกัน และสถิตินี้ยังคงดำเนินต่อไป
เหล็ก T-Series รุ่นใหม่เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างการแข่งขัน PGA TOUR รายการ Charles Schwab Challenge และ DP World Tour รายการ Soudal Open โดยมีนักกอล์ฟรวม 39 คนจากทั้งสองรายการ ที่ตัดสินใจเลือกใช้เหล็กรุ่นใหม่ลงแข่งขันทันที
สองสัปดาห์ถัดมา ในรายการ ShopRite LPGA Classic เหล่านักกอล์ฟจาก LPGA ก็ได้เริ่มสัมผัสกับ T-Series รุ่นใหม่เช่นกัน รวมถึงหลังจากนั้นกระบวนการส่งมอบ และประเมินผล ก็ได้เริ่มต้นอย่างต่อเนื่องกับหลายทัวร์อาชีพทั่วโลก
ไฮไลต์การเริ่มใช้งานเหล็ก T-Series รุ่นใหม่ในทัวร์:
- ในกลุ่มแรกของนักกอล์ฟ PGA TOUR ที่เลือกใช้เหล็ก T-Series รุ่นใหม่ ในรายการ Charles Schwab Challenge นำมาโดย Bud Cauley ที่ใช้เหล็ก 3 และ 4 T250 รุ่นใหม่เป็นเหล็กยาวของเขา ก่อนจะจบการแข่งขันที่อันดับ 3 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาในฤดูกาลนี้
- Justin Thomas เปลี่ยนมาใช้เหล็ก 4 และ 5 T250 รุ่นใหม่ทันทีในรายการ Memorial ซึ่งช่วยให้วิถีลูกของเขาสูงขึ้น และสม่ำเสมอขึ้น เมื่อเทียบกับไม้กอล์ฟที่ใช้ก่อนหน้า ขณะที่ Wyndham Clark ก็เริ่มใช้เหล็ก 3 และ 4 T250 รุ่นใหม่ และ T100 รุ่นใหม่สำหรับเหล็ก 6-9 ด้วยเช่นกัน
- Byeong-Hun An ใช้ T150 รุ่นใหม่ เหล็ก 4 และ 5 ร่วมกับ U•505 เหล็ก 1 ในรายการ RBC Canadian Open และจบอันดับ 6 ร่วม ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขาในฤดูกาลนี้
- Tom Kim และ T. Poston เปลี่ยนชุดเหล็กทั้งหมดในรายการ U.S. Open ที่ Oakmont โดย Kim เปลี่ยนมาใช้เหล็ก 4-9 T100 รุ่นใหม่ ส่วน Poston ใช้เหล็ก 4 T150 รุ่นใหม่ และ T100 รุ่นใหม่ในเหล็ก 5-9 ตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์
- Russell Henley ใช้เหล็ก 4 T250 รุ่นใหม่ ในรายการ Travelers Championship และจบการแข่งขันที่อันดับ 2 ร่วม
- หลังจากเข้ารับการฟิตติ้งที่ Titleist Performance Center ที่ Woburn, Aldrich Potgieter เปลี่ยนมาใช้ T150 รุ่นใหม่ในเหล็ก 4-5 และ T100 รุ่นใหม่ในเหล็ก 6-9 โดยก่อนหน้านี้เขาใช้ T100 สำหรับเหล็กยาว และ 620 MB สำหรับเหล็กสั้น ซึ่งเขาเห็นผลลัพธ์ทันที เมื่อสามารถคว้าชัยชนะได้ตั้งแต่ลงแข่งขันครั้งแรกแรกที่ใช้ชุดเหล็กรุ่นใหม่ ในรายการ Rocket Classic โดยเป็นผลมาจากช็อตแอพโพรชขึ้นกรีนที่ดีขึ้น รวมถึงชัยชนะนี้ยังถือการคว้าแชมป์แรกสำหรับเหล็ก T-Series รุ่นใหม่อีกด้วย
องศาหน้าเหล็ก
- T100: 20 degrees (3-iron), 23, 26, 29, 33 (7-iron), 37, 41, 45 (P), 49 (W)
- T150: 19 (3-iron), 22, 25, 28, 32 (7-iron), 36, 40, 44 (P), 48 (W)
- T250: 18 (2-iron), 20, 22, 24, 27, 30.5 (7-iron), 34.5, 38.5, 43 (P), 48 (W)
- T250 Launch Spec: 27 (5-iron), 31, 35 (7-iron), 39, 43, 47 (P), 52 (W)
- T350: 20 (4-iron), 23, 26, 29 (7-iron), 33, 38, 43 (P), 48 (W48), 53 (W53)
ก้าน และกริพรุ่นสต็อก
T100:
- Project X LZ | 5| Mid launch, Mid spin (steel)
- Nippon NS Pro 880 AMC | S | High launch, Mid-High spin (steel)
T150:
- S. PRO MODUS3 Tour 105 | R,S | Mid launch, Mid spin (steel)
- Nippon NS Pro 880 AMC | R,S | High launch, Mid-High spin (steel)
T250:
- S. PRO MODUS3 Tour 105 | R,S | Mid launch, Mid spin (steel)
- Nippon NS Pro 880 AMC | R,S | High launch, Mid-High spin (steel)
T250 Launch Spec:
- Nippon Zelos 8| R,S | High launch, Mid spin (steel)
- New Mitsubishi MMT AMC Red 65| R | High launch, high spin (graphite)
T350:
- Nippon Zelos 8| R,S | High launch, Mid spin (steel)
- New Mitsubishi MMT AMC Red 65| R | High launch, high spin (graphite)
Grip: Titleist Universal 360
ชุดเหล็ก T-Series รุ่นใหม่ ยังสามารถเลือกตัวเลือกก้านเหล็ก, ก้านกราไฟต์ และกริพ อื่นๆ จากหลากหลายโรงงานผู้ผลิตชั้นนำได้ ผ่านการสั่งแบบคัสตอมออเดอร์
ตัวเลือกการคัสตอม: สำหรับเหล็ก T-Series รุ่นใหม่ทั้งหมด สามารถปรับองศาหน้าเหล็ก และมุมไล ได้อย่างน้อย ±2 องศา (ทั้งเพิ่ม/ลดองศา และปรับ flat/upright) ผ่านการสั่งทำพิเศษแบบคัสตอมออเดอร์ โดยการปรับองศาหน้าเหล็กทำได้ทีละ 1 องศา และการปรับมุมไลจะสามารถทำได้ทีละ 0.5 องศา
ผู้เล่นยังสามารถเลือกความยาวของก้านได้ตามต้องการ โดยสามารถเพิ่มความยาวได้สูงสุด 2 นิ้ว และลดความยาวได้สูงสุด 4 นิ้วจากความยาวมาตรฐาน โดยรุ่นสำหรับผู้หญิงก้านจะสั้นกว่ามาตรฐาน 1 นิ้ว และรุ่นสำหรับเยาวชนจะสั้นกว่ามาตรฐาน 2 นิ้ว ทั้งนี้ การปรับความยาวสามารถทำได้ทีละ 0.25 นิ้ว
ระบบฟิตติ้งเหล็ก SUREFIT: สำหรับการฟิตติ้งเหล็ก Titleist จะมาพร้อมกับระบบฟิตติ้ง T-Series SureFit ใหม่ล่าสุด โดยดีไซน์ใหม่นี้ช่วยให้ฟิตเตอร์สามารถปรับแต่งสเป็คได้สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถปรับมุมไลได้ตั้งแต่ flat 2 องศา จนถึง upright 4 องศา (ทีละ 1 องศา), ปรับองศาหน้าเหล็ก ได้ตั้งแต่ลดลง 2 องศา จนถึงเพิ่มขึ้น 1 องศา (ทีละ 1 องศา), และปรับน้ำหนักใบเหล็ก ระหว่างน้ำหนักมาตรฐาน และลดลง 6 กรัม โดยทั้งหมดนี้สามารถปรับได้เร็วขึ้น และง่ายขึ้นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
การผสมหลากหลายโมเดลในเซ็ตชุดเหล็กเดียวกัน
ในบรรดาผู้เล่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Titleist ที่กำลังแข่งขันใน PGA TOUR ปัจจุบัน มีประมาณ 80% ที่ใช้ชุดเหล็กแบบผสม ประกอบด้วยเหล็กอย่างน้อย 2 รุ่นจาก Titleist ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการฟิตติ้งแบบปรับแต่งเฉพาะบุคคล ละการจัดสรรอุปกรณ์ให้เหมาะสมตลอดทั้งถุง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เล่นมีช่องว่างระยะที่เหมาะสมระหว่างเหล็กแต่ละเบอร์ และการสร้างความสามารถในการหยุดลูกบนกรีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฟิตเตอร์ของ Titleist จะมองหาการจัดเซ็ตชุดเหล็กที่ตอบโจทย์เกณฑ์สำคัญ 3 ข้อต่อไปนี้:
- ระยะความห่างของความเร็วลูก: ผู้เล่นควรมีความเร็วลูกที่แตกต่างกันประมาณ 5 ไมล์ต่อชั่วโมง ระหว่างเหล็กแต่ละเบอร์
- จุดสูงสุดของวิถีลูก: ผู้เล่นควรสามารถรักษาจุดสูงสุดของวิถีลูกได้อย่างสม่ำเสมอ ระหว่างเหล็กยาวจนถึงเหล็ก 7
- มุมตกของลูก: มุมตกของเหล็กยาวไม่ควรต่ำกว่ามุมตกของเหล็ก 7
วันวางตลาด: ชุดเหล็ก T-Series สามารถเริ่มฟิตติ้งที่ Titleist National Fitting Centre ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป และมีกำหนดวางตลาดพร้อมทั่วไปโลก ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้
ราคาขายทั่วไป: 52,490 บาท (ก้านเหล็ก) และ 55,300 บาท (ก้านกราไฟต์) สำหรับเซ็ต 7 ชิ้น