วันที่ 3 กันยายน 2564 เวลา 21.30 น. ฝ่ายปกครองนำโดยนายพนมกร คล้ายเมือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านหนองบ้านเก่า ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำการจับกุมบุคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ได้ผู้กระทำผิดจำนวน 10 คน พร้อมผู้นำพา 1 คน และของกลางรถยนต์กระบะแค็ป ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว 1 คันโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
การจับกุมบุคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองในครั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 3 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีบุคคลนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในเขตท้องที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยใช้รถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อโตโยต้า ยกพื้นสูง จำนวน 2 คัน สีขาวและสีดำ จึงได้ออกสุ่มสังเกตการณ์ บริเวณแยกท่าน้ำตื้น อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี กระทั่งต่อมาพบรถต้องสงสัยทั้ง 2 คัน ตรงกับที่สายลับให้ข้อมูลมา วิ่งผ่านแยกมุ่งหน้าแยก แก่งเสี้ยน จึงได้ขับรถติดตามรถคันดังกล่าวมา และกลับรถหน้าขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าในเส้นทาง หมู่บ้านท่ามะขาม ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จึงได้ติดตามไปกระทั่งพบรถยนต์กระบะแค็ป ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ฒฎ 1500 กรุงเทพมหานคร ขับมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี จึงได้แสดงตัวและเรียกให้หยุด พบคนขับเป็นชายทราบชื่อนายสุชาติ ไม่มีนามสกุล (สัญชาติมอญ) อายุ 26 ปี ที่อยู่ 51 หมู่ที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จึงได้ขอทำการตรวจค้นตัวและรถยนต์ ก่อนทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงความบริสุทธิ์ให้ดูจนพอใจ ผลการตรวจค้น ตัวนายสุชาติฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใดและให้นายสุชาติฯ นำตรวจค้นรถยนต์ ผลการตรวจ ค้นพบกลุ่มชายหญิง จํานวน 10 คน (ชาย 4 คน หญิง 6 คน) ตรวจสอบเป็นบุคคลต่างด้าว ไม่มีเอกสารแสดงตัวและหนังสือเดินทางแต่อย่างใด
สอบถามนายสุชาติฯ พูดและฟังภาษาไทยได้ดี ให้การว่า บุคคลต่างด้าวทั้ง 10 คน เป็นบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติทางบ้านบ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และจะเดินทางไปทำงานที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยบุคคลต่างด้าวเสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าที่ประเทศเมียนมา คนละ 12,000 บาท (จ่ายแล้ว) ส่วนนายสุชาติฯ ได้ค่าจ้างนำส่งที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 1,500 บาท ต่อคน โดยนายหน้าที่ประเทศเมียนมา เป็นผู้จ่ายให้หลังจ่ายส่งบุคคลต่างด้าวทั้ง 10 คน ถึงที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เรียบร้อยแล้ว แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ก่อน
ส่วนรถยนต์กระบะตอนครึ่ง สีดำ อีกคันได้แยกกันแล้ว หลังจากที่นำบุคคลต่างด้าวทั้ง 10 คน มาส่งขึ้นรถยนต์กระบะ (ของกลางรายการที่ 1) คันที่นายสุชาติฯ ขับเพื่อนำบุคคลต่างด้าวทั้ง 10 คน ไปส่ง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวและสิทธิให้นายสุชาติ (ผู้ต้องหาที่ 1) ทราบ ว่ามีความผิดฐาน “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิด กฎหมายให้พ้นจากการจับกุม” และ “ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกความตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 32 ) ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ข้อ 4 (1) ห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่าง 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น และแจ้งข้อกล่าวหาให้ บุคคลต่างด้าวทั้ง 10 คน โดยนายสุชาติฯ เป็นล่ามแปล ให้ทราบว่ามีความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกความตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับ ที่ 32 ) ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ข้อ 4 ( 1 ) ห้ามออกนอกเคหสถานในระหว่าง 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ทราบและเข้าใจดีแล้ว จึงได้นำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป
จิรวัฒน์-นิชาภา ศรีวิเชียร ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ. กาญจนบุรี
