ความตึงเครียดระหว่างเวเนซุเอลากับเพื่อนบ้าน กายอานา เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ เมื่อรัฐบาลประธานาธิบดีนิโกลาส มาดูโร เสนอร่างกฎหมายจัดตั้งจังหวัดใหม่ใน เอสเซกีโบ ดินแดนที่เป็นกรณีพิาทมาอย่างยาวนานกับกายอานา และสั่งบริษัทพลังงานของรัฐ เริ่มสำรวจน้ำมันในพื้นที่พิพาททันที นอกจากนี้ ยังได้จัดพิมพ์แผนที่โดยเพิ่มจังหวัดใหม่ในชื่อ กายอานา เอสเซกีบา สำหรับแจกจ่ายในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ส่วนกฎหมายจัดตั้งจังหวัดใหม่ก็ได้ยื่นต่อรัฐสภาแล้ว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากเวเนซุเอลา จัดลงประชามติชี้ชะตา เอสเซกีโบ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และรัฐบาลประกาศผลนับคะแนนว่า ประชาชน 95% ขานรับที่จะทวงคืน เอสเซกีโบ หรือ เอสเซกีบา ตามชื่อที่เวเนซุเอลาเรียก
มาดูโร ยังได้ยื่นคำขาดให้บริษัทน้ำมันทั้งหลายที่ได้สัมปทานจากกายอานา ถอนตัวออกไปภายใน 3 เดือน
ทางด้าน ประธานาธิบดี อีร์ฟาน อาลี แห่งกายอานา แถลงประณามการประกาศตั้งจังหวัดใหม่ในเอสเซกีโบของเวเนซุเอลา และบอกด้วยว่า หากเวเนซุเอลาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหลังจัดลงประชามติ จะร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ โดยอาศัยความตามมาตรา 41 และ 42 แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ที่อนุญาตให้ประเทศสมาชิกใช้มาตรการคว่ำบาตร หรือมาตรการทางทหารเพื่อผดุงไว้หรือฟื้นฟูความมั่นคงและความสงบสุขระหว่างประเทศ
เอสเซกีโบ เป็นพื้นที่ป่าหนาทึบ กินพื้นที่สองในสามของกายอานา และเป็นบ้านของประชากรกว่า 1 แสน 2 หมื่น 5 พันคน จากทั้งหมด 8 แสนคน
กรณีพิพาทดินแดนย้อนหลังไปกว่า 200 ปี เวเนซุเอลาที่เพิ่งได้รับเอกราชจากสเปนในเวลานั้น อ้างกรรมสิทธิ์ครั้งแรกในปี 1811 โดยยึดแม่น้ำเอสเซกีโบคือพรมแดนธรรมชาติ ต่อมา อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ตัดสินแบบมีผลผูกมัดทางกฎหมายในปี 1899 ในยุคที่อังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคม ให้ดินแดนแห่งนี้อยู่ภายใต้ บริทิช กินี ที่ต่อมากลายเป็นประเทศเอกราชชื่อ กายอานา
เวเนซุเอลาถือว่าคำตัดสินร้อยกว่าปีก่อนไม่เป็นธรรม ปัจจุบัน กรณีพิพาทนี้รอการพิจารณาในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ ) แต่เวเนซุเอลาไม่ยอมรับว่า ไอซีเจ มีอำนาจศาลตัดสินเรื่องนี้ กระนั้นดินแดนเอสเซกีโบก็ไม่เคยเป็นประเด็นร้อนแรงกระทั่ง เอ็กซอนโมบิล ประกาศค้นพบแหล่งน้ำมันในดินแดนพิพาทในปี 2558 และกายอานาเริ่มเปิดประมูล ขุดเจาะน้ำมันเมื่อเดือนสิงหาคม