กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาเมื่อโลกโซเชียลพากันวิพากษ์วิจารณ์กรณีภรรยาเก่าเปิดศึกแย่งชิงคาเฟ่ชื่อดังใน จ.จันทบุรี หลังสามีเสียชีวิต โดยภรรยาใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่าถูกภรรยาเก่าพาชายฉกรรจ์มาข่มขู่ถึงคาเฟ่ทั้งๆ ที่ร่วมกันสร้างขึ้นมากับสามี พร้อมอ้างว่าภรรยาเก่าตัดกุญแจร้านแล้วเข้าไปบริหารคาเฟ่ โดยอ้างสิทธิลูกสาว ภรรยาใหม่จึงเข้าแจ้งความเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีกับภรรยาเก่า
ข่าวที่น่าสนใจ
ล่าสุด (14 พ.ย.66) คุณเก๋ ภรรยาเก่า พร้อมแม่ และน้องชายของอดีตสามี ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่ร้านสกายวิวคาเฟ่ โดย คุณเก๋ กล่าวว่า หลังจากคุณเอส สามีเสียชีวิตลง แม่ของคุณเอส ได้ให้น้องชายมาทำร้านกาแฟต่อ แต่ทำได้ 2 วัน คุณมุก ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของสามี พาคนมาขนของออกไปจากร้าน และยังเกิดเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน หลังจากนั้นแม่ของสามีจึงจึงติดต่อมาหาตน เพื่อให้ช่วยไปบริหารร้านแล้วแบ่งรายได้กัน ซึ่งตนกับคุณมุก ไม่เคยพูดคุยหรือตกลงอะไรกันเลย
ทั้งนี้ตนมีลูกกับสามี 3 คน โดยภายหลังจากสามีเสียชีวิต จึงให้น้องน้ำแข็งลูกสาวคนโตไปยื่นเรื่องคุ้มครองสิทธิ์ที่อัยการจังหวัด ซึ่งมีการออกหนังสือเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมรดกของสามี รวมถึงคุณมุกมารับทราบ หรือมาโต้แย้งสิทธิ์ แต่คุณมุก ไม่มา จนกระทั่งศาลมีคำสั่งให้น้องน้ำแข็ง เป็นผู้จัดการมรดก แต่ คุณมุก เองได้อ้างสิทธิ์การบริหารจัดการร้านโดยใช้หนังสือคำสั่งที่ อบต.ส่งไปให้ ซึ่งทางฝั่งของตนก็ได้รับเหมือนกัน ทั้งนี้ตนตกใจเรื่องร้านที่เปิดให้บริการมานานกว่า 5 ปี แต่กลับไม่มีการขออนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้อง พร้อมยอมรับว่าสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด สามีกับคุณมุกเป็นคนก่อสร้าง ตนเพียงเข้าไปต่อเติมซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย หาก อบต.ต้องการให้ปรับปรุง ตนก็พร้อมที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง
คุณเก๋ บอกอีกว่า กรณีที่ภรรยาใหม่ อ้างว่าฝั่งของตนไปข่มขู่ทำร้ายแล้วขับรถชนไม่เป็นความจริง เพราะวันนั้นเกิดจากการถอยรถแล้วเฉี่ยวชนเท่านั้น สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นตนพร้อมที่จะพูดคุยและเจรจากับคุณมุก มาโดยตลอด แต่คุณมุก ไม่ยอมติดต่อกลับมา
ขณะที่แม่ของคุณเอส บอกว่า ตั้งแต่ลูกชายเสียชีวิต ทางคุณมุก ได้เข้าไปที่บ้านแล้วขนข้าวของเครื่องใช้ออกไปจนหมด รวมถึงข้าวของที่ร้านกาแฟด้วย โดยไม่มีการพูดหรืออธิบายอะไรสักคำ อ้างเพียงแต่ทรัพย์สินต่างๆ เป็นของตัวเอง นอกจากนี้พี่สาวและแม่ของคุณมุก ยังมาชี้แล้วผลักหน้าอกตนอีกด้วย ในส่วนของที่ดินที่สร้างร้านกาแฟ ยืนยันว่าเป็นที่ดินมรดก และไม่เคยขายต่อให้กับใคร จึงอยากฝากถามไปถึงคุณมุกว่า ที่ผ่านมาตนรักและเอ็นดู ทำดีด้วยมาโดยตลอด แต่พอลูกชายเสียชีวิตไป แล้วทำไมต้องทำกับตนถึงขนาดนี้
ด้าน คุณท็อป น้องชายของคุณเอส บอกว่า กรณีที่คุณมุก บอกว่าเป็นคนลงทุนทำร้านแล้วพวกตนเข้าไปยึดกิจการ ทำให้กระแสสังคมตอนนี้ที่โจมตีมาที่ฝั่งของตนเองหนักมาก ตนขอบอกว่า ตนและพี่ชายได้ร่วมลงทุนทำร้านนี้มาด้วยกันตั้งแต่แรก ส่วนกระแสสังคมที่เกิดขึ้นตนเข้าใจว่ามีทั้งคนที่รู้และคนที่ไม่รู้ ซึ่งอยากให้ฟังความทั้งสองฝ่าย พร้อมฝากไปถึงคุณมุกว่า ปัญหาไม่มีอะไรมาก ขอแค่ให้มาพูดคุยกันเรื่องราวทั้งหมดก็จะจบลงโดยง่าย ซึ่งไม่ต้องยุ่งยากแบบนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
