นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม – 3 กันยายน และลงมติไม่ไว้วางใจในวันที่ 4 กันยายน 2564 พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านขอเปิดยุทธการ “หยุดยุทธ์ หยุดโอหังคลั่งอำนาจ หยุดความพินาศของประเทศ” โดยจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจสุดท้ายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งรัฐบาลชุดนี้ พรรคเพื่อไทยหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยจึงมาตรการขั้นเด็ดขาดในการลงมติไม่ไว้วางใจ โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ออกหนังสือแจ้งให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคทุกคนปฏิบัติตามมติของพรรค หากลงมติเป็นอย่างอื่นหรือฝืนมติพรรค จะถูกลงโทษทางวินัยถึงขั้นพ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคทันที ดังนั้น ส.ส.ทุกคน ห้ามลา ห้ามป่วย ห้ามขาดประชุมเด็ดขาด
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า หากการอภิปรายในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจำใจลาออก พรรคเพื่อไทยมีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีรอแล้ว เชื่อว่าหากประชาชนเห็นชื่อแล้วจะยินดีและยอมรับ พร้อมยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคแตกสาขา มีพรรคเดียว ไม่มีท่อน้ำเลี้ยงส่งต่อถึงใคร และหากมีการเลือกตั้ง พรรคจะส่ง ส.ส. ครบทุกเขตแน่นอน
นายสุทิน คลังแสง ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล จะมีการอภิปรายจนถึงเที่ยงคืนครึ่งของทุกวัน จากนั้นจะลงมติไม่ไว้วางใจในวันที่ 4 กันยายน 2564 โดยฝ่ายค้านมีผู้อภิปรายรวม 34 คน เป็นพรรคเพื่อไทย 19 คน พรรคก้าวไกล 6 คน พรรคเสรีรวมไทย 3 คน พรรคประชาชาติ 2 คน พรรคเพื่อชาติ 1 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน รวมถึงนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เวลารวมทั้งหมด 40 ชั่วโมง เน้นหนักไปที่การอภิปรายเปิดโปงความล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวม 33 ชั่วโมง
“ยืนยันว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมที่สุด เรามีการร้อยเรียงเนื้อหาอย่างเป็นลำดับ อภิปรายแบบเนื้อๆ หนัก ๆ ในเวลาที่จัดสรรกันได้ ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนติดตามอย่างต่อเนื่อง” นายสุทิน กล่าว