“เจ้าคุณประสาร” ยินดี รมต.วธ.เสริมศักดิ์ อดีตเด็กวัดมหาธาตุ – พวงเพ็ชร ครม.เศรษฐา 1 ฝากดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาด้วย

พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร ยินดีกับ รมว.กระทรวงวัฒนธรรม คนใหม่ อดีตเด็กวัดมหาธาตุ และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฝากดูงานเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา คัดกรองให้ละเอียดรอบคอบ อย่าคำนึงถึงแค่ว่าเป็นพรรคเป็นพวก

วันที่ ( 2 ก.ย.2566 ) พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อเสนอโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเพื่อที่จะได้บริหารราชการแผ่นดินนั้นและบัดนี้ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีลงวันที่ 1 กันยายน 2566 ดังที่ทราบกันแล้วนั้น

พระราชวัชรสารบัณฑิต กล่าวต่อไปว่า ในบรรดาครม.เศรษฐา 1 นั้นมีรัฐมนตรีที่จะต้องรับผิดชอบ กำกับ ดูแล บังคับบัญชางานที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาและพระพุทธศาสนาโดยตรง 2 ท่านคือ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับรัฐมนตรีเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นั้นอดีตเมื่อครั้งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้อาศัยวัดและข้าวก้นบาตรพระคือเป็นลูกศิษย์วัดมหาธาตุ คณะสลัก 3 ในเจ้าคุณพระสุวิมลธรรมาจารย์ (ผ่อง) ดังนั้นงานทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมนั้นเมื่อได้ลูกศิษย์พระสายตรงมาขับเคลื่อนก็มีความหวังว่างานทางด้านนี้จะมีความสำคัญและพัฒนามากยิ่งขึ้น สำหรับงานด้านศาสนาและวัฒนธรรมของคนในชาติในแผ่นดินนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนในสังคม ถ้าจับประเด็นให้ได้ จับทางให้ถูก ขับเคลื่อนให้ดีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งต่อบ้านเมืองและรัฐบาลใหม่ วันนี้เรากำลังพูดถึงวิกฤตต่างๆ ของประเทศและโลกเช่นวิดฤตเศรษฐกิจ วิกฤตท่องเที่ยว เป็นต้นแต่เรากลับละเลยหรือลืมพูดถึงวิกฤตทางสังคมซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ เช่น เด็กและเยาวชนในวันนี้อนาคตในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สังคมผู้สูงอายุวันนี้จะขับเคลื่อนไปในทิศทางไหน การศาสนาจะเป็นอย่างไร อะไรคือความหมายของคำว่า “บวร”หรือ แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ขอฝากไว้กับรัฐมนตรีวัฒนธรรมคนใหม่ในฐานะเด็กวัดทั้งสิ้น

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานทางด้านพระพุทธศาสนาโดยตรงคือรัฐมนตรีพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั้นอยากจะย้อนความหลังให้ฟังสักเล็กน้อยว่าเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้นิมนต์พระสงฆ์สามเณรและเชิญชวนอุบาสก อุบาสิกาจำนวนมากออกไปร่วมกันปฎิบัติธรรมที่หน้ารัฐสภา ถนนอู่ทองใน วัตถุประสงค์ในครั้งนั้นคือขอแยกงานด้านพระพุทธศาสนาออกมาจากกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นและจะขอให้ไปตั้งเป็นกระทรวงพระพุทธศาสนา แนวคิดดังกล่าวในยุตนั้นถือว่าเข้มข้นมาก เพราะเราชาวพุทธมองว่าพระพุทธศาสนาในแผ่นดินนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐควรจะมองเห็น เข้าใจ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเพียงแค่ส่วนงานหนึ่งในสังกัดกอง ภายใต้กรมการศาสนา การดำเนินการระหว่างตัวแทนของชาวพุทธคือศูนย์พิทักษ์ฯกับรัฐบาลในคราวนั้นลงกันที่จากคำว่ากระทรวงพระพุทธศาสนามาเป็นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือขอวัดแต่ได้สำนักสงฆ์ทำนองนั้น และทำไมชาวพุทธจึงมีแนวคิดถึงขั้นตั้งกระทรวงพระพุทธศาสนา นี่สิน่าสนใจ ก็เพราะมองถึงคุณูปการ ประวัติศาสตร์และอื่นๆของผู้คนในประเทศนี้นั้นก็ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนาแทบทั้งสิ้น การที่รัฐในฐานะฝ่ายปกครองมองเห็นว่าพระพุทธศาสนามีความสำคัญ มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องมายาวนานจนถึงปัจจุบันและยังมีคุณประโยชน์ ก็จะนำมาซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินที่จะนำเอาหลักธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในทุกมิติของสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว แรงงาน เป็นต้น ภาพรวมก็คือระบบธรรมาภิบาล ที่ผู้คนเรียกร้องในปัจจุบันนี้นั่นเองและในที่สุดประเทศเราก็จะกลายเป็นสังคม “อุดมธรรม” ในที่สุด

 

ทั้งหมดนี้เป็นแนวคิด เป็นหลักการที่มีมาเมื่อไม่นานนี้และในปัจจุบันหลักการนี้ก็ยังดำรงอยู่ องคาพยพส่วนใหญ่ของศูนย์พิทักษ์ฯก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหนและพร้อมจะสืบสานต่อยอดต่อไปทั้งพระทั้งคฤหัสถ์ขอให้ท่านรัฐมนตรีลองทำความเข้าใจดู และยังขอฝากงานต่อถึงรัฐมนตรีพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อีกต่อไปว่าหลักสำคัญคือการพิทักษ์ ปกป้อง คุ้มครองและประสานงานด้านพระพุทธศาสนานั้นขอฝากให้ท่านรัฐมนตรีและทีมได้ช่วยกันคลี่แต่อย่างแต่ละประเด็นให้ชัด ให้เข้าใจไปจนถึงรากเหง้าคือสมุทัยของสิ่งนั้นๆและดำเนินนโยบายในรัฐบาลเศรษฐา 1 ในด้านพระพุทธศาสนาให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง อำนวยประโยชน์แก่ผู้คนทุกคนในสังคม

ยินดีต้อนรับรัฐมนตรีทั้งสองท่าน ให้กำลังใจในการทำงาน ให้มีสัมมาทิฎฐิ มีที่ปรึกษา มีทีมงาน และฝ่ายประสานงานที่ดี คัดกรองให้ละเอียดรอบคอบอย่าคำนึงถึงแค่ว่าเป็นพรรคเป็นพวก ประเภทสุดโต่งหัวชนฝา หรือรู้แบบงูๆปลาๆแต่อวดอ้างว่าเก่งแต่เมื่อมาทำงานแล้วกลายเป็นมาจ้องจับผิดงานด้านศาสนา พระพุทธศาสนาหรือจ้องเล่นงานพระสงฆ์สามเณรอย่างนี้ก็ให้ระวัง วันนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีแล้ว คนเข้าหา คนเสนอตัว คนอาสา มีมากให้ใคร่ครวญให้ดีในวันที่มีอำนาจวาสนางานด้านนี้นั้นเมื่อเข้าใจบริบทดีแล้วแล้วก็จะง่ายในการบริหารราชการแผ่นดิน อาตมาจะรอฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาว่านโยบายแรกเริ่มจะมีในบทบัญัติในเรื่องศาสนา และพระพุทธศาสนาปรากฎในนโยบายของรัฐบาลอย่างเหมาะสมหรือไม่ พระราชวัชรสารบัณฑิต กล่าวในตอนท้าย

เกียรติยศ  ศรีสกุล ผอ.ข่าว TOPNEWS ภาคกลาง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รวบ 27 ชาวบังคลาเทศ ย่องเงียบ เข้าไทย อ้างจะไปมาเลเซีย เสียค่าหัวคนละกว่า 14,000 บาท
สลด ! ปิดเทอม เด็กชาย-หญิง ลงเล่นฝายน้ำล้น จมดับ 2 ราย
"หมอเหรียญฯ" ซัดตรงสปสช.ค้างหนี้กว่า 20 ล้าน แจ้งเงื่อนไขต้องเร่งแก้ปัญหา ขีดเส้นตาย 1 พ.ย. หยุดให้บริการผู้ป่วยบัตรทองประเภทส่งต่อ
“สธ.” เผยเหตุถังบรรจุเคมีระเบิด ดับ 2 ราย คัดแยกอาการคนงานหน้ารง. พร้อมจัดทีมดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อม
กต.อัปเดต หลังอิหร่านถูกโจมตี ยังไม่มีคนไทยถูกกระทบ เตือนติดตามใกล้ชิด
"ผบ.ทร." ตรวจขั้นตอนการปฏิบัติ - ความพร้อม เส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
DSI ฝากขัง “นัตตี้ ยูทูปเบอร์ดังหลอกเทรด Forex” พร้อมแม่แล้ว โดนหลายข้อหาหนัก-ค้านการประกันตัว
“บอสพอล” สั่งทนายเตรียมดำเนินคดี 4 กลุ่ม เผยมีแม่ข่ายออกรายการดังด้วย
"ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ" จ่อคาดโทษอัจฉริยะ แอบเข้าไปนั่งฟังการสอบสวน “โค้ชแล็ป”
"อองตวน-ภรรยา" ตั้งโต๊ะแถลง ยันไม่เคยเกี่ยวข้องเว็บพนันฯ เผยถูกมิจฉาชีพแอบอ้างแปะลิ้งค์บนเว็บ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น