No data was found

“ชูวิทย์” ลุยซักฟอก “เศรษฐา” ไม่เหมาะนายกฯ คุ้ยหนักรปภ.โยงแสนสิริ

กดติดตาม TOP NEWS

"ชูวิทย์" ลุยซักฟอก "เศรษฐา" ไม่เหมาะนายกฯ คุ้ยหนักรปภ.โยงแสนสิริ

จากการออกมาเขย่าความน่าเชื่อถือในตัว เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ด้วยการ ” แฉเพื่อชาติ” ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โดยหยิบประเด็น “ความไม่โปร่งใส” เมื่อครั้งเป็นผู้บริหารบริษัทแสนสิริ ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดมหาชน มาเป็นธงในการชิงความได้เปรียบโดยการงัดเอาหลักฐาน การหลบเลี่ยงภาษี ของบริษัทแสนสิริ มาเป็น”หัวเชื้อ” ทำให้สถานการณ์การเมืองที่มีความไม่แน่นอน สั่นคลอนไปด้วย เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อนายชูวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าว

 

 

วันที่ 3 สิงหาคม 2566 การออกมาแฉเพื่อชาติของนายชูวิทย์ เริ่มต้นจากการโพสต์เฟซบุ๊ก โดยจั่วหัวระบุว่า “ว่าที่นายกฯ เลี่ยงภาษี” จากนั้นเวลา 12.30 น.นายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมมีการนำหลักฐานการซื้อขายที่ดินย่านถนนสารสิน เนื้อที่ 1 ไร่เศษ ราคากว่า 1,570 ล้านบาท เมื่อปี 2562 ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่

การแถลงครั้งนั้น นายชูวิทย์ อ้างว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าว มีราคาประเมินกันที่ ตารางวาละ 1 ล้านบาท แต่ราคาการซื้อขายจริงของบริษัทตารางวาละ 4 ล้านบาท มีการหลบเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้รัฐขาดรายได้ไปกว่า 521 ล้านบาท ถือเป็นการทำนิติกรรมอำพราง มีการแบ่งโอนที่ดินทั้งแปลงเป็น 12 วัน และให้มีผู้ซื้อขาย 12 คน โดยมีหลักฐานการโอนที่ดิน ในวันทำการติดต่อกันทั้ง 12 วัน จากเดิมที่ต้องเสียภาษีหากโอนที่ดินในวันเดียวเป็นเงินกว่า 580 ล้านบาท แต่ทางบริษัทเสียภาษีที่ดินเป็นเงินเพียง 59 ล้านบาท เท่านั้น

นายชูวิทย์ อ้างว่า การโอนที่ดินในลักษณะนี้เป็นการเลี่ยงเสียภาษีในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคล เพราะต้องเสียจำนวนเงินมากกว่าการแยกจ่ายเป็น 12 วัน และยังเห็นว่ามีความผิดปกติในโฉนด ที่ระบุถึงเงินมัดจำค่าที่ดินแต่ละวันไม่ตรงกัน ส่วนใหญ่ใช้เงินสดมากกว่าร้อยละ 50 ในการวางมัดจำ ซึ่งเป็นเงินครั้งละกว่า 200 ล้านบาท มองว่าผิดปกติ เพราะเงินจำนวนมากขนาดนี้จะต้องจ่ายด้วยเช็ค แต่กลับจ่ายเป็นเงินสด

 

 

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานการประชุมของบริษัทแสนสิริ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ที่มีมติให้แยกโอนที่ดินรวม 12 วัน โดยมีการลงนามรับรองของนาย เศรษฐา ซึ่งบริษัทแสนสิริเป็นบริษัทมหาชน มีฝ่ายกฎหมายที่เชี่ยวชาญ จึงต้องรู้ช่องทางกฎหมายเป็นอย่างดี และเชื่อว่าหากนายเศรษฐาได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะมีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุน

นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้บริษัทแสนสิริ เคยมาติดต่อซื้อที่ดินของชูวิทย์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท แต่ตนไม่ขายให้ เนื่องจากติดสัญญาซื้อขายกับบริษัทอื่นอยู่ คือบริษัทไดมอนด์แลนด์ และได้ขายไปให้กับบริษัทดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

วันที่ 15 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ แถลงข่าวอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ นำหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับตัวบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ซื้อที่ดิน ย่านทองหล่อ ซอย 12 มูลค่าหลายร้อยล้านบาท เป็นเพียงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทบริษัท แห่งหนึ่ง (เอ็นแอนด์เอ็น แอสเซ็ท จำกัด) นำเงินไปไถ่ถอนจำนองที่ดินย่านทองหล่อ กับธนาคาร (แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ) จำนวน 465 ล้านบาท

และพบปรากฏชื่อผู้รับจำนองต่อเป็นบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง (บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด) ที่มีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท ซึ่งนายชูวิทย์ อ้างว่าเป็นบริษัทนอมินีในเครือนายเศรษฐา และพบว่ามีการทำสัญญากู้จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินต่อจากบริษัทที่มีแม่บ้านถือหุ้นอยู่ จำนวน 565 ล้านบาท

และต่อมาพบว่าบริษัทใหญ่ที่นายเศรษฐา เป็นกรรมการบริษัท ได้ซื้อที่ดินต่อจากบริษัทนอมินี เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท ทำให้มีส่วนต่างจากเงินที่ซื้อขายจริง เป็นจำนวน 435 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงตั้งข้อสงสัยว่าเงินจำนวนนี้หายไปไหน การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการฉ้อโกงผู้ถือหุ้นหรือไม่ และมีคุณสมบัติเพียงพอต่อหารที่จะถูกเลือกให้เป็นนายกคนต่อไปหรือไม่

 

 

ในวันเดียวกัน(15 สิงหาคม 2566) บริษัทแสนสิริ ได้ออกแถลงการณ์ ตอบโต้นายชูวิทย์ ด้วยบริษัท แสนสิริ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงความถูกต้องการซื้อที่ดินทองหล่อ โดยสรุป 3 ประเด็น ดังนี้

– แสนสิริ และบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายและเจ้าของที่ดินตามโฉนด ตั้งแต่ปี 2551

– แสนสิริซื้อที่ดินในราคาที่เหมาะสมเทียบเคียงกับราคาตลาด โดยระบุถึงทำเล ทองหล่อ 12 ราคาขาย 1,100,000 ตารางวา ในปี 2559

– บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่เคยให้กู้ยืมเงิน แก่ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด “กู้ยืมเงิน ไม่เท่ากับ จำนองโฉนดที่ดินโดยมีหลักประกัน”

ข่าวที่น่าสนใจ

 

 

วันที่ 16 สิงหาคม 2566 นายเศราฐา ทวีสิน ทวีตข้อความ ผ่าน @Thavisin ระบุว่า ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลง สุขุมวิท 55 ที่ปัจจุบันคือโครงการ คุณ บาย ยู และทางบริษัทแสนสิริได้ออกแถลงการณ์ข้อเท็จจริงแล้วนั้น

ผม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเคยบริหารแสนสิริมากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับ เชื่อถือ จากทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคมทั่วไป น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าบริษัทแสนสิริได้ถูกบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล

การตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น

การกระทำใดๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

วันที่ 17 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ เดินทางไป มอบหลักฐาน ‘บิ๊กโจ๊ก’พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เอาผิดแสนสิริ กรณีใช้นอมินีซื้อขายที่ดิน ซึ่งนายชูวิทย์ ยืนยันว่า มีหลักฐานชัดเจนทั้งเรื่องเลี่ยงภาษีที่ดินสารสิน มีการแยกโอนไปยัง 12 คนในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ ส่วนที่ทองหล่อพบมีนอมินี 3 ราย เผย 11 ก.พ. ทำ 3 นิติกรรม เปลี่ยนชื่อบริษัท-กู้ 1 พันล้าน-ปลดหนี้ 465 ล้านบาท

 

 

วันที่ 18 สิงหาคม นายเศรษฐา ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ความยาว 7.44 นาที ซึ่งมีใจความสำคัญว่า ขอยืนยันว่า การซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบการบริษัทดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐหรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่คุณชูวิทย์นำมากล่าวอ้าง ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแปลงสารสิน หรือที่ดินซอยทองหล่อ เป็นเรื่องเเบบเดียวกัน มีการทำธุรกรรมกับผู้ขายรายต่างๆ โดยชำระค่าที่ดินตามราคาตลาดที่สมเหตุสมผล สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ซื้อและผู้ขายมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ซึ่งกันและกัน รวมทั้งหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด ขอยืนยันไม่มีการทำสัญญากู้ ไม่มีการสมคบคิด และไม่เคยมีเงินทอนใดๆ

 

 

ขอย้ำว่า คุณชูวิทย์ต้องแยก ผู้ขาย กับ ผู้ซื้อให้ได้ อย่าบิดเบือน และแสนสิริไม่มีนอมินีแน่นอน สิ่งที่ทำให้คุณชูวิทย์โกรธเคือง เนื่องมาจากที่บริษัทไม่ซื้อที่ดินคุณที่ซอย สุขุมวิท 24 เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยตกลงกันจากราคา 2,000 ล้านเหลือ 1,800 ล้าน แต่ที่ดินคุณมีเงื่อนไขติดพันธ์กับบริษัทไรมอนแลนด์ ทำให้แสนสิริไม่สามารถซื้อที่ดินที่มีนิติกรรมซ้อนได้ จึงทำให้คุณชูวิทย์ไม่พอใจ แต่เพราะเงื่อนไขของที่ดินคุณเอง แสนสิริเป็นบริษัทมหาชน ตนทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด 100% และไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย และรวมถึงไม่ผิดจริยธรรมใดๆ

 

 

นายเศรษฐา ยังบอกอีกว่า มีการติดต่อผู้ใหญ่มากมายให้มาบอกว่าจะแฉผม และทำทุกอย่างเพื่อให้ตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าจะให้ไม่แฉ ก็ต้องตกลงซื้อที่ดินราคา 2,000 ล้าน แบบไม่มีเงื่อนไข ดังนั้น การที่พูดความจริงในครั้งนี้ คุณชูวิทย์ต้องไม่พอใจและอาจจะไปฟ้องศาล ตนก็พร้อมที่จะนำพยานหลักฐานไปสู้คดีในศาลต่อไป

 

วันที่ 21 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ ได้โต้แจงกลับผ่านเฟซบุ๊ก แบบข้อต่อข้อ สรุปประเด็นที่นายเศรษฐาแถลง โดยระบุว่า “เศรษฐา VS ชูวิทย์ คุณจะเชื่อใคร?” ดังนี้

เศรษฐา : แสนสิริซื้อที่ราคาตลาดที่สมเหตุสมผล
ชูวิทย์ : เดี๋ยวรอดู Ep.3 ว่าคราวนี้จะ “สมเหตุสมผล” อย่างที่ว่าไหม? เพราะซื้อมาหลักแสนต่อตารางวา ติดถนนใจกลางสุขุมวิทตอนต้น มีบันทึกชัดเจนจากกรมที่ดิน

เศรษฐา : ผู้ซื้อไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของผู้ขาย

ชูวิทย์ : คุณเศรษฐาโยนให้ “ผู้ขาย” ทุกที แต่ “รปภ. นอมินี” มีความเกี่ยวข้องกับแสนสิริอย่างชัดเจน Ep. 3 เปิดตัว รปภ. อีกคน มาจากมุกดาหาร และยังไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติ ช่างอินเตอร์สุดๆ มาเจอกันได้ไง?

เศรษฐา : ไม่เคยปล่อยกู้ แต่จำนองเพื่อเป็นหลักประกัน

ชูวิทย์ : จะซื้อก็ซื้อ ทำไมต้องให้จำนองไว้ด้วย? มันผิดปกติ ที่สำคัญดันให้จำนอง 1,000 ล้าน ในวันเดียวกันกับที่ “นอมินี” ไปซื้อ บ.เอ็น แอนด์ เอ็น จากเจ้าของเก่า (หมอนเรนทร์) 565 ล้าน คือ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 แท้จริงแล้ว ต้องการนำเงินออกจากบริษัทมหาชนมากกว่า

เศรษฐา : ไม่มีการสมคบคิด หรือมีเงินทอน

ชูวิทย์ : วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 บริษัทลูกแสนสิริ ให้ แม่บ้าน กับ รปภ. กู้ 1,000 ล้าน ในวันเดียวกัน แม่บ้าน กับ รปภ. ก็ไปซื้อที่ดินจากบริษัทของหมอนเรนทร์ 565 ล้าน แล้วอีก 435 ล้าน ไปไหน? ไม่ยอมชี้แจง ผมมีเอกสารราชการทุกอย่าง แต่คุณเศรษฐา กับแสนสิริ พูดปากเปล่า ไว้เอาไปชี้แจงกับบิ๊กโจ๊กแล้วกัน เพราะเดี๋ยวเขาก็เรียก หากใครไม่มา 2 ครั้ง ก็ออกหมายจับ

 

 

ล่าสุดนายชูวิทย์ ก็ออกมาเผยข้อมูลเป็นน้ำจิ้ม ก่อนจะมีการแถลงข่าวจริงช่วงบ่ายวันนี้(21 ส.ค.) โดยได้มุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ รปภ.ที่ชื่อ “สมศักดิ์” ซึ่งอ้างว่าเป็นนอมินี แสนสิริ มีชื่อเป็นเจ้าของถนนในโครงการของแสนสิริ โดมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ บ.อ่อนนุช แลนด์ จำกัด ซึ่ง บ. อ่อนนุชแลนด์ เป็นเจ้าของถนนภายในโครงการ “T77” อ่อนนุช ของแสนสิริ บนพื้นที่ 50 ไร่ และยังมีสำนักงานใหญ่ของแสนสิริอยู่ในนี้ โดยตัวของสมศักดิ์เซ็นรับเงินกู้ 1,000 ล้าน จากอาณาวรรธน์ บริษัทลูกของแสนสิริ แล้วไปซื้อที่ดินจาก “ผู้ขาย” ก่อนเอามาขายให้แสนสิริอีกที และสมศักดิ์ยังเซ็นขอ EIA โครงการ Khun by YOO ให้แสนสิริด้วย

สมศักดิ์ยังเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ รปภ. ของ บ.แม็กซ์ เพาเวอร์ การ์ด ที่มี “นางวิไล” พี่สาวของ นายทศพงษ์ จารุทวี (นายเบ้ง คู่เขยกับเศรษฐา) ถือหุ้นใหญ่ 33.33%และลูกสาวนายเบ้ง น.ส.รวิพรรณ จารุทวี ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 ของแสนสิริ

หากสรุปง่ายๆก็คือ สมศักดิ์เป็นนอมินีของแสนสิริในฐานะผู้ซื้อที่ดินทองหล่อ ไม่ใช่ของผู้ขายแต่อย่างใด และไม่มีส่วนเกี่ยวพันแม้แต่น้อย โดยเสี่ยชูวิทย์ ทิ้งท้ายอีกว่า “ตอกฝาโลงสนิท คนกินฉี่ตบทรัพย์มา 20 ล้าน ก็ช่วยไม่ได้”

 


Media Paper Fair
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 7 Aug – 31 Aug 2023

⚡ ช้อปกระดาษถ่ายเอกสาร A4 ขนาด 70,80 one Green คุ้ม 2 ต่อ
🚩 คุ้มแรก ราคาเริ่มต้น 520.-*
🚩 คุ้มที่ 2 รับฟรี กระดาษถ่ายเอกสาร one Green 1 รีม ช้อปเลย
👍 ดีลดี ดีลโดน แบบนี้ ห้ามพลาด

คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/FI2co

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฟ้องแพ่ง รอสมาห์ มานซอร์ ภรรยาอดีตนายกฯเรียกคืนเงินกว่าหมื่นล้าน
อิสราเอลรวมพลมากพอบุกราฟาห์เต็มพิกัด
นาทีระเบิดซากสะพานบัลติมอร์ ปลดปล่อยเรือสินค้า (คลิป)
"ดร.อานนท์" ฝาก 7 ข้อคิด หลัง "บุ้ง ทะลุวัง" เสียชีวิต เตือนสติอย่าโหนศพ หวังผลการเมือง
"ศุภมาส" ปลื้มยอดเข้าสอบ TCAS รอบแอดมิชชันฟรี พุ่งกว่า 1.3 แสน ตอบโจทย์รัฐกระจายเท่าเทียมการศึกษา "พยาบาลศาสตร์" เลือกสมัครมากสุด
วพส. รุ่น 2 เปิดรับสมัครแล้ว ระดมวิทยากรระดับประเทศ มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้บริหารองค์กร สร้างผู้นำระดับตำนาน
"แอมเนสตี้" โหน "บุ้ง ทะลุวัง" จี้ไทยคืนสิทธิประกันตัว 3 นิ้ว
เจ้าของแมวน้ำตาตกถูกทอมใจเหี้ยมโยนแมวอันเป็นที่รักจากคอนโดชั้น21 ลงสู่พื้นวิญญาณออกจากร่าง
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการจับกุมคนร้ายร่วมกันก่อเหตุยิงดาบตำรวจ
หนุ่มหัวร้อนทะเลาะกิ๊ก แต่ดันแทงพลเมืองดีห้ามเหตุการณ์ หลบหนีคดี 10 ปี สอบสวนกลางจับ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น