“รทสช.” ยื่น “พม.” เแก้กฏกระทรวง ป้องนำเด็กใช้ประโยชน์การเมือง ยกพฤติกรรมบางพรรคนำเด็กขึ้นปราศรัย ทำเกลียดชัง-ยุยงให้ทำผิด

ทีมโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติยื่น พม.เร่งปรับปรุงกฎกระทรวงป้องกันการนำเด็กไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต ยกพฤติกรรมมีบางพรรคการเมืองนำเด็ก 10 ขวบขึ้นเวทีปราศรัยทำให้เกิดความเกลียดชังและยุยงให้เด็กฝ่าฝืนกฎหมายกฎระเบียบของโรงเรียน

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายณัฐนันท์ กัลป์ยาศิริ อดีตผู้สมัครสส.กทม.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อปลัดทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)เพื่อให้มีการตรวจสอบและเพิ่มข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับกฎกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพื่อป้องกันการนำเด็กไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพงศ์พล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเคยมีเหตการณ์พรรคการเมืองให้เด็กอายุ 10 ขวบ ขึ้นเวทีปราศรัยทางการเมืองในการชุมนุมทางการเมือง และปรากฏคำปราศรัยด้วยถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) ซึ่งแทนที่จะมีการห้ามปรามหรือแนะนำให้กระทำในสิ่งที่เหมาะสมกับวัย กลับได้รับการกล่าวและมีท่าทีให้การสนับสนุนเพราะเป็นแนวทางที่พรรคการเมืองและพวกพ้องของตนเองได้รับผลประโยชน์จากกการกระทำดังกล่าว และเกิดการเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ ยังปรากฎกรณีที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวสอดคล้องและเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองได้คอยยุยงส่งเสริมเด็กให้ละเมิดหรือฝ่าฝืนกฎระเบียบของโรงเรียน ฝ่าฝืนกฎหมายแผ่นดินจนถึงขนาดถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรง และยังถูกนำเรื่องราวการดำเนินคดีมาเผยแพร์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อสร้างคะแนนนิยมและความชอบธรรมให้กับพรรคการเมืองของตนเองและพวกพ้อง โดยปราศจากคำแนะนำให้เด็กประพฤติตนอยู่ในกรอบที่เหมาะสมกับวัยเรียน ซ้ำร้ายยังนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเมืองโดยใช้เด็กเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดกระแสสังคมกดดันกับเด็กและเกิดความเสียหายกับเด็กและสังคมอย่างประเมินค่ามิได้

 

นายพงศ์พล กล่าวด้วยว่า ล่าสุดยังปรากฎข้อมูลมีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมครอบงำ กดดันให้เด็กกระทำความผิดยุยงส่งเสริมให้เด็กกระทำความผิดต่อกฎหมายแล้วนำกิจกรรมดังกล่าวไปขอรับเงินทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหวจากผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ไม่หวังดีต่อเด็ก เข้าข่ายเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก ทำให้หลายภาคส่วนของสังคมเกิดความกังวลว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการแสวงหาประโยชน์จากเด็กโดยมิชอบส่งผลเสียต่อเด็ก ทำให้เด็กต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง ซึ่งอาจกระทบต่อการเรียน สภาพจิตใจและพัฒนาการของเด็กได้และที่สำคัญเด็กต้องถูกดำเนินคดีโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดล้วนแล้วผิดหลักสากลของ “อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก” (THE UNITED NATIONS CONVENTION ON THE RIGHTS OF THE CHILD) ที่ไทยลงนามไว้กับองค์การสหประชาชาติ เมื่อ พ.ศ. 2538 ซึ่งมีใจความว่า เยาวชนควรได้รับการคุ้มครองจากการแสวงหาผลประโยชน์ในทุกรูปแบบ ดังนั้นจึงจำนเป็นต้องมายื่นหนังสือถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อให้มีการตรวจสอบเพิ่มข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการปรับกฏกระทรวง เพื่อป้องกันการนำเด็กไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดโครงการ “ฟอกไตฟรี” เดินหน้ายกระดับสิทธิรักษาเข้าถึงได้ทุกพื้นที่
โดนแล้ว "อัยการ" สั่งฟ้องคดี ม.112 “เจ๊จวง-เจ๊เทียม” สองแม่ค้า ปมติดป้ายหมิ่นสถาบันฯหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว
รมว.อุตสาหกรรม เปิดงานไหว้เจ้าปุงเถ่ากงม่าและงานงิ้ว มหาสารคาม พร้อมมหกรรมอาหารนานาชาติ กว่า 1,000 ร้านค้า ดันเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยว เงินสะพัดหลายสิบล้าน
ชาวสวนปาล์ม – ยาง พลิกวิกฤต รวมกลุ่มเพาะเห็ดฟาง รายได้พุ่งหลักแสนต่อเดือน
“โต้งชลวัว พัทยากลาง : ตำนานก๋วยเตี๋ยวเนื้อหม้อดิน  ที่ครองใจคอเนื้อทั่วเมืองพัทยา”
ผู้บริหาร "ซิน เคอ หยวน สตีล" ฮึ่มฟ้องกราวรูด โดนจนท.รัฐรังแก สั่งอายัดฝุ่นแดงซ้ำ หลังเพิ่งสั่งเพิกถอนได้แค่ 6 วัน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​