No data was found

ททท.ดันท่องเที่ยวเป็นลมใต้ปีกฟื้นศก.ไทย วางเป้ารายได้ปี 67 สู่ 3 ล้านล้าน

กดติดตาม TOP NEWS

ททท. เปิดแผนตลาด ปี 67 เร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทย หลังโควิด-19 พร้อมผลักดันรายได้ท่องเที่ยวรวม 3 ล้านล้านบาท ขณะที่ปีนี้ ยังคงรายได้รวมที่ 2.38 ล้านล้านบาท ยันขับเคลื่อน Soft Power ต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล หลังคนแห่เที่ยวตามรอยจากซีรี่ย์ King the Land

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.66 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกล่าวเปิดงาน การแถลงทิศทาง การส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2567 โดยมี นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา /นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)/ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. และคณะกรรมการ ททท. รวมถึงภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เข้าร่วมงาน

นายพิพัฒน์ ระบุว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้พยามผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติและให้เกิดความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและเร่งด่วนในการยกระดับการท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยวคุณภาพสูงในทุกมิติ ซึ่งขณะนี้ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป เพื่อมุ่งสู่จุดหมายการเดินหน้าการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในอนาคตให้เติบโตอย่างทั่วถึง สมดุล และยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม อันสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG

 

 

โดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน เป็นการระบุกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงมี การเคารพในศิลปะวัฒนะธรรมท้องถิ่นรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ได้ทำกิจกรรมอยู่ในประเทศนานขึ้นและกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง

 

 

ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ททท. ตั้งเป้าหมายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปี 2567 ผลักดันรายได้ในระดับใกล้เคียงกับรายได้ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยได้รับในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบนพื้นฐานของสถานการณ์ท่องเที่ยวที่มีปัจจัยเอื้ออำนวยในทุกด้าน (Best Case Scenario) จะมีรายได้จากการท่องเที่ยว รวมทั้งสิ้น 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
– รายได้จากต่างประเทศ 1.92 ล้านล้านบาท ดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย จำนวน 35 ล้านคน
– ตลาดในประเทศ สร้างรายได้หมุนเวียน 1.08 ล้านล้านบาท จากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย 200 ล้านคน-ครั้ง

ขณะที่ปี 2566 ยังคงยืนยันเป้าหมายรายได้รวมที่ 2.38 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ที่ 25-30 ล้านคน

นายยุทธศักดิ์ ระบุว่า ปี 2567 จะเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยสู่บทต่อไปที่ดีขึ้น (Moving forward to Better) ทั้งฝั่ง Supply และ Demand ด้วยหัวใจหลักของการสร้างระบบนิเวศใหม่ที่มีคุณค่า สมดุลและยั่งยืน พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันสร้างความมั่นคงทางการท่องเที่ยว ก้าวสู่ High Value and Sustainable Tourism อย่างแท้จริง สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง พัฒนาห่วงโซ่อุปทานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมฯ ให้พร้อมรับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ รวมทั้งกระจายรายได้สู่ฐานรากอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2567 ททท. จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการสานต่อการ “สร้างประสบการณ์ทรงคุณค่า” เพื่อส่งมอบให้กับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีความต้องการแตกต่างกัน

โดยตลาดต่างประเทศ ททท. วางแผนกระตุ้นตลาดด้วย 5 ทิศทางหลัก ได้แก่ เสริมภาพลักษณ์แบรนด์ท่องเที่ยวไทยด้านความยั่งยืนและใช้เป็นจุดขายใหม่ของประเทศไทย เน้นไม่สร้างภาระ แต่สร้างสาระรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชน กระจายรายได้อย่างทั่วถึง และเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นเป็นจุดขาย โดยททท. มีแนวคิดดำเนินโครงการ Kinnaree Brand Refresh ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหรือรางวัลกินรีในวงกว้าง เพื่อเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวภายใต้มาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) รุกเปิดตลาดคุณภาพใหม่ให้ท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โฟกัสตลาดใหม่ในภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลาง และขยายสู่กลุ่มตลาดย่อย ซึ่งเป็นผู้มีรายได้สูง แสวงหาคู่ค้ารายใหม่และขยายความร่วมมือกับคู่ค้ารายใหญ่ในเวทีโลก

 

ขณะที่ ตลาดในประเทศ หรือ ไทยเที่ยวไทย ททท. จะให้น้ำหนักไปที่การกระตุ้นให้เที่ยวไทยทันที เพิ่มความถี่และการกระจายตัวท่องเที่ยวหลากหลายพื้นที่มากขึ้น เป็น 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ตลอดทั้งปี เพื่อสร้างรายได้ให้ทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม ควบคู่กับการนำเสนอจุดแข็งสู่จุดขาย ของ Soft Power (5F) และนำเสนอสินค้าเชิงประสบการณ์ผ่านอัตลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ เกิดเป็น Meaningful Travel

ด้านสื่อสารการตลาด ปี 2567 ยังคงดำเนินการภายใต้แบรนด์ “Amazing Thailand” อีกทั้ง จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ Soft Power ของประเทศไทย ผ่านการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนในแคมเปญ Brand Collaboration : Amazing Thailand x 5F ด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามาไทยหรือไม่ นายยุทธศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่าสถานการณ์ไม่นิ่งทางการเมืองจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว ยืนยัน การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยพิเศษที่ไม่ได่ขึ้นกับปัจจัยทางการเมือง และอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีสถานการณ์เช่นนี้ แต่มีการดูแลจากคนไทย จึงทำให้นักท่องเที่ยวยังคงกลับมา ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนเคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนตัวมองว่า บรรยากาศการท้องเที่ยวยังดีอยู่

 

 

นอกจากนี้ ในส่วนของกระเเสซีรี่ย์ เกาหลี King The Land เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันในเรื่องของ soft power ให้กับการท่องเที่ยวไทย และที่ผ่านมา ในส่วนของ ภาพยนต์และวีดีทัศน์ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย รวมถึงยังทีการส่งออกภาพยนตร์ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับปัจจัยเสี่ยง สำหรับภาคการท่องเที่ยวจะเป็นในเรื่องปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ภัยพิบัติ กรณีความขัดเเย้งระหว่างประเทศ และการกลับมาของอุตสาหกรรการบิน ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า จะกลับมาเต็มที่ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 หรือไตรมาสแรก ปี 2568 แต่ทั้งนี้ ททท. ไม่ได้เน้นในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยว แต่จะเน้นในเรื่องของคุณภาพและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้ในกรณีที่เกิดสถานการณ์เลวร้ายขึ้นในประเทศ จะมีรายได้เท่ากับปี 2566 หรือ ประมาณ 80% ของรายได้ในปี 2562 ส่วนกรณีหากสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นคาดว่า ปี 2567 จะมีรายได้เท่ากับปี 2562 อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ นายยุทธศักดิ์ ได้กล่าวถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่อยู่เข้ามาบริหารประเทศว่า ส่วนตัวมองว่า ประเทศไทย กำลังมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืน และสามารถดำเนินการอะไรได้ ก็ขอให้ดำเนินการต่อเนื่อง และเข้าใจถึงเรื่องงบประมาณที่ล่าช้า แต่ก็ต้องการได้รับการจัดสรรงบประมาณให้เท่าเทียมกับงบประมาณเดิม เพราะเป็นความต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหยุดชะงักลง จึงต้องการให้เครื่องยนต์ภาคการท่องเที่ยวขับเคลื่อนต่อไป และกลายเป็นลมใต้ปีกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยอีกด้วย

 


LOVE IS IN THE HAIR ผมสวยได้ทุกทรง
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 18 Jul – 31 Jul 2023

ลดเพิ่มสูงสุด 10% ไม่มีขั้นต่ำ
ลดเพิ่มสูงสุด 20% เมื่อช้อป 3,000.-

Code : MIDJUL
คลิกเพื่อช้อปได้ที่นี่ : https://omgrefer.com/Hs3ST

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เครือสยามไบโอไซเอนซ์ เดินหน้ากิจกรรมตู้ยาชุมชน ต่อเนื่อง มอบชุดยาสามัญประจำบ้านแก่ผู้ป่วย รพ. โป่งน้ำร้อน จันทบุรี
"เสี่ยเอ้" จัดงาน GRAND OPENING PATTAYA SKY RIDE เฮลิคอปเตอร์สำหรับบินชมวิวเมืองพัทยาแบบ 360 องศา
"สมศักดิ์ เจียมฯ" พาซวย จำคุก 3 นิ้วคอมเมนต์หมิ่นเบื้องสูง 4 ปี
ไฟไหม้คลับเฮ้าส์หรูสองชั้น หมู่บ้านหรูริมถนนนาจอมเทียน เสียหายนับล้านบาท
"ภูมิธรรม" โต้วิจารณ์ข้าวค้างโกดัง 10 ปี มีสารพิษ ขออย่าใช้อคติ ด้อยค่า จนชาติเสียประโยชน์
"นายกฯ" ตรวจขยายสนามบินหัวหิน ชงเปลี่ยนชื่อเป็น “เพชรหัวหิน” หวังดึงดูด นทท.ต่างชาติ
คิว "ทักษิณ" เตรียมเยือนโคราช 25 พ.ค.นี้ เข้าสักการะย่าโม ในรอบ 20 ปี
รู้ตัวแล้ว มือยิง" ดาบตำรวจ-เมียท้อง" ทิ้งศพอำพรางป่าปราจีนบุรี ผกก.สภ.ระเบาะไผ่ ยันไร้เอี่ยวแก๊งค้าน้ำมันเถื่อน
ออสเตรเลีย นักบินนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินหลังล้อไม่กาง
"อัจฉริยะ" แฉหนัก ร้องสอบตร.ตั้งด่านเถื่อนรีดเงิน รายได้ดี เดือนละ 7 ล้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น