“อ.เจษฎ์” เตือนเลือกนายกฯส่อลากยาว ปมคุณสมบัติ “พิธา” ทำส.ส.-ส.ว.งดออกเสียง

ส่วนที่รศ.ดร.ปิยะบุตร แสงกนกกุลเลขาธิการคณะก้าวหน้า อยากส.ว.ควรจะมาจากการเลือกตั้งเพื่อความเป็นกลางและท้ายสุดเสนอให้ส.ส.ร่วมกันปิดสวิตช์ส.ว.นั้นจะทำได้จริงหรือไม่ จะกลายเป็นสภาผัวเมียหรือไม่ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า การจะปิดสวิตช์ส.ว.ได้นั้นต้องไปทำความเข้าใจกับพรรคอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ 8 พรรค หรือเฉพาะก้าวไกลหรือเพื่อไทย เท่านั้นตามที่อ้างว่ามีพรรคแมลงสาบ พรรคหนู และสองลุงที่เป็นวาทะกรรมของพรรคก้าวไกลนั้น ต้องคิดว่ากลุ่มเหล่านี้จะมาร่วมปิดสวิตช์ส.ว.ด้วยหรือไม่ เพราะไปพูดว่าเค้าไว้เยอะ

“ในเมื่อระบบรัฐสภา พรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดจะได้สิทธิ์ลำดับแรกก่อนในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ ได้สิทธิ์ในการเป็น ฉะนั้นต้องบอกแค่ 151 เสียงของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว ไม่ใช่ 312 ไม่ได้ พรรคอื่น ๆ ยังมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้หลายอย่าง ถ้าเกิดพรรคเพื่อไทยบอกว่าไม่ไหวแล้วจะจัดตั้งกับพรรคอื่นก็เป็นไปได้ แต่การจะไปลากแบบนั้น มันเป็นจริงได้ยากในทางปฏิบัติ ไม่สอดคล้อง มันไม่สอดคล้องกับแนวทางที่จะทำได้จริง มันอาจจะฟังดูดี แต่ท้ายสุดมีปัจจัยและเงื่อนไข มีปมอยู่พอสมควร ซึ่งการเสนอสามารถเสนอได้ ท้ายที่สุดนำไปสู่การปฏิบัติได้ยาก”

ส่วนการลงมติลับเพื่อเลือกประธานสภานั้นมีสิทธิ์ที่ก้าวไกลจะถูกพรรคอื่น 8 พรรคร่วมหักหลังหรือไม่ รศ.ดร. เจษฎ์ กล่าวว่า ท้ายที่สุดควรจะคุยกันเพื่อหาทางแก้ปัญหา หาทางนำเสนอในทิศทาง ที่ทุกคนต้องการและถ้าไม่ได้ก็ต้องปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาและมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ ส่วนการโหวตนายกฯไม่มีการกำหนดเวลา ถ้ายื้อไปเรื่อย ยิ่งนอนกันไปนานๆ ช่วงกลางคืนยาว ฝันนั้นจะเป็นฝันดีหรือฝันร้ายก็ไม่รู้ ยิ่งนอนนาน ยิ่งคืนยาวก็ฝันได้มากกว่า เพราะถ้าลากถ่วงไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นผลดีต่อใครและพรรคก้าวไกลก็ไม่อยากให้ยาวและอยากให้รวบรัดมากที่สุด แต่วิถีทางของระบบรัฐสภาก็เป็นแบบนี้ อาจจะต้องมีพื้นที่รอมชอมกันและท้ายสุดการพูดคุยที่ลงตัวมากที่สุดก็ไปทางนั้น