No data was found

“เจ้าสัวบุณยสิทธิ์” ยันศก.ไทยดีกว่าหลายชาติ มั่นใจศักยภาพท่องเที่ยว เตือนรัฐบาลใหม่อย่าทำประเทศเหมือนยูเครน ระวังค่าแรง 450 กระทบย้ายฐานผลิต

กดติดตาม TOP NEWS

"เจ้าสัวบุณยสิทธิ์" ยันศก.ไทยดีกว่าหลายชาติ มั่นใจศักยภาพท่องเที่ยว เตือนรัฐบาลใหม่อย่าทำประเทศเหมือนยูเครน ระวังค่าแรง 450 กระทบย้ายฐานผลิต

วันนี้ (31 พ.ค.66) นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าว การจัดงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 27” ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.- 2 ก.ค. 66 ที่ไบเทค บางนา ว่า เศรษฐกิจประเทศไทย ยังถือว่ายังดีกว่าหลายประเทศที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ หรือ Inflation ส่งออกไทยก็ลดลง แต่จะเห็นได้ว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยกลับมาดีขึ้น ทั่วโลกกลับมาเที่ยวประเทศไทย แตกต่างจากเมื่อก่อนที่คนไทยจะออกไปเที่ยวต่างประเทศอย่างอเมริกาและยุโรป โดยประเทศไทยมีอาหาร มวยไทย และเฮลท์แคร์ ที่เป็นจุดเด่น

 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงนโยบายของพรรคการเมือง อาทิ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า เครือสหพัฒน์เป็นพ่อค้า จะต้องสามารถปรับตัวได้ทุกรัฐบาล ถ้ามีการปรับขึ้นค่าแรง ก็ต้องทำให้ของทุกอย่างไม่ขึ้นราคาตามค่าแรง ซึ่งเครือสหพัฒน์ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนมาก็ให้ความร่วมมือ ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรา ส่วนการค้า การขาย ยอมรับว่า ยากขึ้นทุกปี และไม่มีง่าย แต่อยู่กับการปรับตัวต้องให้ทันเหตุการณ์ ก็อาจจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส แต่หากปรับตัวช้าก็จะเป็นส่วนเสีย โดยยุคนี้เป็นยุคของคนอีกรุ่นทำงาน ไม่ใช่ยุคของคนสูงอายุที่จะทำงาน

นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า ในการปรับตัวของเครือสหพัฒน์ ได้มีการปรับคนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาหมดแล้ว โดยรุ่นเก่า ๆ ก็ไม่ค่อยมีอยู่ในธุรกิจ อย่างเช่นตัวตนเองก็ไม่ได้ยุ่งกับธุรกิจ ปล่อยให้ลูก ๆ หลาน ๆ คนรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาดูแล

 

ทั้งนี้ การปรับตัวของสหพัฒน์ไม่ใช่เพิ่งปรับตอนนี้ แต่ทำมา 10 ปีแล้ว โดยสิ่งที่ควรให้สำคัญตอนนี้ คือ สิ่งแวดล้อม ที่จะต้องทำให้ดีขึ้น รวมถึงทำให้สินค้าถูกลง เพราะตอนนี้เงินเฟ้อทั่วโลก ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เราจะต้องทำยังไงให้สินค้าไม่ขึ้นราคาและถูกลงให้แก่ผู้บริโภค โดยสมัยก่อนพ่อของผม โตแล้วแตก แตกแล้วโต ยุคนี้หลวมแล้วใหญ่ ใหญ่แล้วหลวม ก็คือต้องเอาหลาย ๆ กรุ๊ปหลายฝ่ายมาร่วมมือกัน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยไปได้รอดต่อ

ขณะที่การตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ไม่ได้กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหพัฒน์ โดยเข้าใจว่าเศรษฐกิจประเทศไทยยังดีกว่าประเทศอื่น ๆ ก็ดำเนินการต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

 

นายบุณยสิทธิ์ ระบุอีกว่า ตนเองไม่ห่วงเกี่ยวกับเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่าใครจะมาเราก็ต้องปรับตัว แต่กลัวที่สุดคือ อย่าทำให้ประเทศเป็นเหมือนเช่นประเทศยูเครน และหากรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ มองว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลใหม่จะต้องดำเนินการคือ การเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ใช่การขึ้นค่าแรง แต่พัฒนาเศรษฐกิจ ให้คนมีการศึกษา มีงานทำ และไม่ว่างงาน อาทิ ภาคการเกษตร ที่จะต้องทำให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น แรงงานภาคเกษตรก็จะไม่ไหลเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม และไม่มีคนว่างงาน แทนการขึ้นค่าแรงที่จะส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวของไทย

พร้อมยอมรับว่า หากประเทศไทยมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ในส่วนของพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นที่มาลงทุนในประเทศไทย ค่อนข้างมีความเป็นห่วงในเรื่องการลงทุน หากค่าแรงของไทยสูง อาจจะมีการยกขบวนทั้งหมดย้ายไปยังประเทศเวียดนาม อาทิ อุตสาหกรรมเสื้อผ้า ที่มีการย้ายไปประเทศเวียดนามแล้ว

ส่วนนโยบายทลายทุนผูกขาด เก็บภาษีความมั่งคั่งของพรรคก้าวไกล นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า ในเครือสหพัฒน์ ไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะเป็นการเก็บทุกคนจะกลัวทำไม

 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อคิดเห็นต่อว่าที่นายกรัฐมนตรีที่เป็นคนรุ่นใหม่ และอาจจะอายุน้อยที่สุดอย่างไรบ้าง นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า ในส่วนของคนรุ่นใหม่ จะมีไอเดียใหม่ ๆ และทำอะไรเร็วขึ้น ส่วนคนมีอายุก็จะรอบคอบและทำงานช้า เพราะฉะนั้น เมื่อมีคนรุ่นใหม่เข้ามา ก็จะมีการตัดสินใจเร็ว ทำเร็ว ซึ่งก็เป็นจุดเด่นของคนรุ่นใหม่

 

 

 

ส่วนมิติภูมิรัฐศาสตร์โลก หากมีการเลือกข้างสหรัฐมากเกิดไปจะส่งผลกระทบกับการค้าขายประเทศจีนหรือไม่ และควรจะสร้างความสมดุลอย่างไร นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า ทั้งหมดมีแบคอัพ หรือบางพรรคมีทีมเบื้องหลัง มีคนหนุนหลัง เพราะคนที่เรียนที่สหรัฐก็จะรู้สึกว่า สหรัฐดี คนที่เรียนที่ประเทศจีนก็จะรู้สึกว่าประเทศจีนดี ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่สำคัญที่สุดคือ อย่านำประเทศไปเหมือน เช่น ประเทศยูเครน ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างมาก

 

ส่วนการลงทุนในเครือสหพัฒน์นั้น คนสหพัฒน์จะรู้อยู่แล้วว่าอันไหนต้องเร็วช้าหนักเบาตอนไหน เวลาไหนต้องเร็ว จังหวะไหนต้องช้า อันไหนสำคัญ แยกแยะได้ และพัฒนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความกังวลระหว่างรัฐบาลขั้วอำนาจเดิมกับโควิด-19 อะไรน่ากลัวกว่ากัน นายบุณยสิทธิ์ ระบุว่า โควิด เพราะช่วงเเรกไม่มียารักษาแต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม นายบุณยสิทธิ์ ยังได้เปิดเผยถึงทิศทางราคาสินค้าช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจขณะนี้ คือ ทำให้สินค้าราคาถูกลง และยอมรับว่าต้นทุนการผลิตสินค้าหลายอย่างแพงขึ้น ซึ่งต้องดูที่ต้นทุนการผลิตสินค้าจากต่างประเทศ หากต่างประเทศขึ้นราคาวัตถุดิบสินค้า ก็มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นราคาตาม แต่หากไทยสามารถผลิตได้เอง ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รัสเซียเตือนอังกฤษ ระวังถูกโจมตี
ผู้รับเหมาเร่งซ่อมปิดหลุมด้วยหินคลุกแก้ไข ถนนทรุดตัวเป็นหลุมชั่วคราว เพื่อให้รถสัญจรได้ โดยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
โจรแสบย่องขโมยหม้ออลูมิเนียม 2 ตายายอาชีพรับซื้อของเก่าที่เก็บสะสมไปจนเกลี้ยง แถมยังกินข้าวกับต้มยำปลาทิ้งจานไว้เยาะเย้ย
ปูตินสั่งกองทัพ ฝึกซ้อมอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี
ชาวบ้านย่านอ่อนนุชผวา เสาสะพานชำรุดแตกหัก วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไขด่วน
"สพท." แตะมือ "สสส." ร่วมหนุนเสริมโครงการ Gig Worker กระทรวงแรงงาน หวังบรรเทาปัญหาปากท้อง "แรงงานอิสระ" สู้วิกฤตเศรษฐกิจเปราะบาง
สุดตื่นตา โขลงช้างป่าละอู กว่า 30 ตัว เล่นน้ำคลายร้อน นทท.แห่ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
วิกฤตภัยแล้งน้ำแห้งคลองชาวสวนทุเรียนขาดน้ำ ผลผลิตร่วงเสียหายต้นทุเรียนตาย ต้องซื้อน้ำรดพอประทังผลผลิตที่เหลือ วอนภาครัฐเข้าช่วยเหลือและเยียวยา
รวบแล้ว ไอซ์ ห้วยยายพรม ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้า ลักรถชาวบ้าน ขณะนั่งไลฟ์สดเย้ยตำรวจ
กลุ่มติดอาวุธ จับทหารเมียนมาหลายร้อยนาย หลังโจมตี-ยึดพื้นที่ตะวันตกของรัฐยะไข่ได้สำเร็จ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น