“เรืองไกร” แฉ “พิธา” จัดเต็ม งัดหลักฐานปมหุ้นสื่อ ชี้งานนี้รอดยาก ส.ส.ก้าวไกลก็โดนด้วย

"เรืองไกร" แฉ "พิธา" จัดเต็ม งัดหลักฐานปมหุ้นสื่อ ชี้งานนี้รอดยาก ส.ส.ก้าวไกลก็โดนด้วย

จากการณีหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่ “นายกรัฐมนตรี” ถือครองอยู่ ซึ่งขณะนี้กรณีดังกล่าวถูกนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ของนายพิธา และสมาชิกพรรคก้าวไกลนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์สถานนีโทรทัศน์ PPTV 36 พร้อมนำหลักฐานเอกสารการถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี ของนายพิธา มาแสดงต่อสาธารณะ สรุปพอสังเขปดังต่อไปนี้

เอกสารฉบับนี้คัดมาจากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ITV เตรียมจะเอาไปยื่นเพิ่มให้ กกต. ประกอบการตรวจสอบนายพิธา ปมถือหุ้นสื่อ ซึ่งเชื่อว่านายพิธา จะรอดยาก เอกสารระบุรายชื่อผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 49-66 คัดมาเฉพาะนามสกุล “ลิ้มเจริญรัตน์”

ข่าวที่น่าสนใจ

ปี 49-50 ชื่อผู้ถือหุ้นยังเป็น “พงษ์ศักดิ์” พ่อพิธา โดยในช่วง 2 ปี มีการเปลี่ยนจำนวนจาก 12,000 เป็น 42,000 หุ้น ก่อนที่ปี 51 จะเป็นชื่อ “พิธา” และถือครองหุ้นจำนวน 42,000 หุ้นเรื่อยมาจนถึงปี 66

จากเอกสารดังกล่าว นายเรืองไกร ตั้งข้อสังเกตหลายประเด็น ทั้งเรื่อง นายพิธา มีชื่อถือครองหุ้นมา 16 ปี ระหว่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ 3 ครั้ง หมายความว่า ย่อมรู้อยู่แล้วว่ามีหุ้นนี้อยู่ แต่ไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช. ทันทีขณะรับตำแหน่ง ส.ส.ในปี 62 โดยเป็นการมาแจ้งเพิ่มเติมในภายหลัง และหากจะบอกว่าอยู่ในสถานะ “ผู้จัดการมรดก” เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็ระบุชัดเจนว่า ต้องเขียนวงเล็บ “(ในฐานะผู้จัดการมรดกของ…)” ไว้ในรายชื่อผู้ถือหุ้น ซึ่งถ้าดูหลังชื่อของนายพิธา ไม่มีวงเล็บไว้

ซึ่งไม่ว่าจะถือกี่หุ้น ถือมากหรือน้อย มันก็คือมีหุ้นสื่อ

นายเรืองไกร ยังบอกในรายการอีกว่า ผลกระทบจากกรณีหุ้งสื่อไอทีวีนั้น เด้งแรก คือ นายพิธาขาดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่งมองว่าต้องนับย้อนไปตั้งแต่ปี 62 ที่มีหุ้นอยู่แล้วแล้วมาลงสมัคร และดูว่าศาลฯ จะวินิจฉัยเรียกเงินคืนหรือไม่  ส่วนเด้งที่สอง อาจส่งผลไปถึง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่ได้รับเลือกตั้งในสมัยนี้ทั้งหมด เพราะนายพิธา เป็นคนเซ็นรับรองให้ลงสมัครในขณะที่ตัวเองขาดคุณสมบัติ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร

พิธีกร ถามว่าทำไมไม่เหมือนกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่โดนคนเดียว นายเรืองไกร อ้างข้อบังคับพรรคก้าวไกล ระบุคุณสมบัติของสมาชิกว่าต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งก็คือห้ามถือหุ้นสื่อ ต่างจากข้อบังคับพรรค อนค. ที่ไม่มี นายพิธา จึงอาจไม่เข้าคุณสมบัติเป็นหัวหน้าพรรคไปเซ็นรับรอง ส.ส. แต่แรกฃ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อันวาร์" เผยเตรียมใช้เวทีประชุม รมว.ต่างประเทศ อาเซียน นัดพิเศษ 22 ธ.ค. เปิดเจรจาหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา รอบใหม่
ทุกบอมป์มีความหมาย กองทัพไทย เปิดภาพ 6 ตึกสแกมเมอร์ โดนทัพฟ้าถล่มพินาศ รวมศูนย์อาชญากรรม โดนสหรัฐฯคว่ำบาตรหลอกมะกันชน
โรงครัวจิตอาสาราษฎรบ้านพลวง - ตลาดสุรนารี รวมพลังจัดอาหารมื้อเย็น 1,030 ชุด ส่งมอบทหารชายแดน สร้างขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติภารกิจ
โคราชจัดพิธีสรงน้ำศพ “พระเทพกิตติวิมล” อย่างสมเกียรติ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
"สหรัฐ" หลบไป วันนี้ "จีน" พร้อมส่งทูตพิเศษคุย 2 ประเทศ เดินหน้าไกล่เกลี่ย ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
อุตุฯ เตือนไทยตอนบนรับมืออากาศหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ ใต้เจอฝนตกหนักบางแห่ง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​