สระบุรี พ่อขอความเห็นใจจาก รพ. ลูกชายติดเชื้อโควิดเสียชีวิต ในระหว่างรักษาโรคลมชัก

พ่อขอความเห็นใจจาก รพ. ลูกชายติดเชื้อโควิดเสียชีวิต ในระหว่างรักษาโรคลมชัก

วันที่ 17 ส.ค.64 ตามที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Apichart Aumnuykul ได้โพสต์แชร์รูปภาพ 2 ภาพ พร้อมทั้งระบุข้อความไว้ว่า เพิ่งเปิดมาเห็นโลงศพลูกตัวเอง  จะมีใครบ้างที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้  ถ้าไม่เกิดขึ้นกับคนที่รักก็จะไม่รู้สึกอะไร ซึ่งภาพดังกล่าวโพสต์มาจากเพจเฟซบุ๊กทีมงานของกู้ภัย สว่างรัตนฯ จุดเมืองสระบุรี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เวลา 14:48 น. และทางทีมของกู้ภัย สว่างรัตนฯ จุดเมืองสระบุรี ได้ลงข้อความติดแฮดแท็ก  ผู้เสียชีวิตโควิด19  หนองแค (20/ก.ค64) เสียชีวิต รายที่  30 ของสระบุรี  ดำเนินการรับผู้เสียชีวิตติดเชื้อโควิด-19 จากโรงพยาบาลหนองแค ฌาปนกิจศพ วัดโคตูม อ.หนองแคดำเนินการโดยทีมงานเอ็มสระบุรี อาสากู้ภัยสว่างรัตนฯ เอ็มสระบุรี  สระบุรี  หนองแค

ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Apichart Aumnuykul ได้เขียนลงข้อความใต้คอมเม้นไว้ว่า ลูกผมอายุ21เป็นเด็กพิการติดเตียงแต่กำเนิด เข้ารักษาตัวด้วยอาการชักเกร็ง พอตรวจเลือดพบว่าเลือดหนืดและเริ่มติดเชื้อในเลือด เข้ารักษาตัว27มิ.ย ผมได้เฝ้าไข้ลูกผมจนถึงวันที่3ก.ค หลังจากนั้นก็โดนงดเฝ้าไข้น้อง รพ.อ้างว่าเดี๋ยวเชื้อโรคจะไปติดน้อง รักษามาได้จนถึงวันที่ 14ก.ค พยาบาลแจ้งว่าน้องมีไข้ยังกลับไม่ได้ พอวันที่15ก.ค พยาบาลโทรมาแจ้งว่าให้ทางบ้านน้องหาถังอ๊อกซิเจนกับสายดูดน้ำลายน้องถ้าจะเอาน้องกลับบ้าน ผมก็หามาได้1ถัง    แต่สุดพีค คืนวันที่16ก.คคุณหมอเจ้าของไข้น้องโทรมาบอกว่า คุณพ่อตอนนี้น้องอาการโคม่าแล้ว น้องติดเชื้อโควิด19 เชื้อลงปอดเป็นฝ้าแล้ว คนเป็นพ่อหัวอกแทบแตกสลาย หมอพูดกับผมว่าน้องอยู่ได้อีกไม่เกิน 5 วัน เชื้อมาจากไหน ติดตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่มีการตรวจน้องตั้งแต่ 7 วันก่อนหน้า ทั้งๆที่นอนอยู่ตรงนั้นเกือบเดือน สุดท้ายวันที่ 20 ก.ค.น้องก็เสียชีวิต ตั้งตัวไม่ติดเลย พอสอบถามว่าเชื้อมาจากไหน ตอบไม่ได้นะ รพ.อ่ะ เพิ่งมาสรุปว่าให้ฟังว่าในวันที่20 ก.ค. มีคนไข้ปกปิดข้อมูลว่าตัวเองมีเชื้อโควิด เลยทำให้เชื้อมาสู่ลูกผม ขอดูหลักฐานข้อมูลก็ไม่บอก ได้แต่บอกว่าเป็นความลับ ผมถามว่าถ้าวันที่15ก.ค คุณส่งลูกผมกลับบ้านมา อะไรจะเกิดขึ้น ที่บ้านมี คุณพ่อ73 แม่ 71 ป้า 75 ลุงผม82 ความเสียหายจะเป็นอย่างไง

ทางเจ้าหน้าที่รพ.โทรนัดผมเพื่อที่จะเข้ามาคุยเจรจาเรื่องนี้ วันที่20ก.ค ซึ่งตรงกับวันเผาน้องพอดี ตายปั๊บเผาปุ๊บ ทางเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่าทาง รพ.ไม่มีเงินเลย ช่วยค่ารถเดินทางไปวัดโคกตูม 2,000บาท

ทางเจ้าหน้าที่พูดตลอดว่า น้องมีค่าใช้จ่ายในวันนั้นหลายบาท ถุงซิป 3 ถุง ถุงละ 3,000บาท ค่าโรงศพ 3,000บาท ทางเจ้าหน้าที่แจ้งผมว่าทาง รพ.รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้ทั้งหมดแล้ว มันต้องเป็นความรับผิดชอบคุณอยู่แล้ว ไม่สมควรอ้างแบบนี้ ถ้าทางรพ.มีการรอบคอบหรือป้องกันทำเต็มที่มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวผมเลย รพ.แจ้งอีกว่ากำลังดำเนินการส่งเรื่องไปที่ สปสช.ให้ช่วยเหลือเยียวยา ผมไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอ่ะไรกับเรื่องนี้ ผมนะกลัวสุดๆ กลัวเงียบ เขาให้ผมรอ อย่าโพสอ่ะไร อย่าบันทึกเสียงในการสนทนากัน ผมก็อยากทำตามครับ แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะเก็บไว้กันตัวผมกับน้องได้

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของ นายอภิชาติ อำนวยกุล อายุ 40ปี อยู่บ้านเลขที่ บ้านเลขที่ 142/4 ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี พ่อของนายภานุพงษ์ อำนวยกุล อายุ 22 ปี หรือน้องเอิท เล่าว่า วันนั้นไปเปิดเจอโพสต์ของกู้ภัยนะครับ ก็เห็นว่าเป็นวันที่ตรงกับวันที่น้องเอิทเสียพอดี น่าจะเป็นลูกของเราแล้วมันยังเกิดความสะเทือนใจก็เลยโพสต์ออกไปครับ ผมก็ยังคาใจอยู่ว่าลูกผมนอนรักษาอยู่เกือบ 2 อาทิตย์ตรงนั่นน่ะครับ ไม่มีการตรวจโควิดแต่อยู่ๆโควิดมาหาลูกผมทั้งๆที่ลูกผมเป็นแค่ลมชัก ปกติรักษาแค่ 7 วัน น้องเอิทก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่นี้คือแบบอยู่ๆวันที่ 16 โทรมาบอกผมน้องโคม่าแล้ว ปอดเป็นฝ้าหมดแล้ว เนื่องจากติดโควิด ผมก็เลยอยากรู้ว่าโรงพยาบาลเอาเชื้อมากจากไหนทำไมน้องเอถึงไปติดในนั้นทั้งๆที่ไม่ให้เยี่ยม งดเฝ้าเยี่ยมหมดเลยนะครับ ก็คืออยากขอร้องส่วนตรงนี้ว่าให้คำตอบผมก็ไม่ได้โรงพยาบาลบ่ายเบี่ยงมาตลอด หลังจากที่น้องเอิทเสียชีวิตไปแล้วทางโรงพยาบาลได้มาเยี่ยมวันที่ 20 ก็มาถึงส่งเงินให้ 2,000 บาทเป็นค่ารถแต่ทางโรงพยาบาลจะพูดว่าวันที่น้องเอิทตาย จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ถุงซิป 9,000 บาท และโรงอีก 3,000 บาท โรงพยาบาลบอกส่วนนี้โรงพยาบาลต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดทางโรงพยาบาล ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่แล้ว โรคของน้องเอิท ที่เป็นอยู่ เค้าเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าน้องเอิทจะมาเจอโควิดซ้ำเข้าไปอีกทั้งๆที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้มาติดมาจากบ้านเลย นอนเกือบ20 วัน กว่าโรงพยาบาลจะรู้อีกที่ก็โคม่าไปแล้ว  ผมทำใจไม่ได้สุดๆ เลยตรงนี้ พอติดต่อกลับไปที่โรงพยาบาล กำลังรอทำเรื่อง กำลังรอทำเรื่องเนี่ยจะเป็นเดือนแล้วก็ยังเงียบอยู่ ก็อยากฝากบอกนะครับว่า  การเข้ารักษาของคนไข้แต่ละคน ทางโรงพยาบาลน่าจะเข้มงวดกว่านี้ อย่าให้เกิดความสูญเสียกับใครอีกเลย มันสูญเสียมากจริงๆ ทั้งความรู้สึก ทั้งสภาพจิตใจ

นางประไพ อำนวยกุล อายุ 70 ปี (เป็นย่าน้องเอิท) เล่าว่า น้องเอิทมีอาการชัก ตอนอายุ 7 ขวบ ตอนแรกๆยังไม่ชัก พอ7 ขวบเริ่มชักมาเรื่อยๆก็พาส่งโรงพยาบาล แต่ก่อนอยู่อยุธยาก็ส่งโรงพยาบาล หมอก็ให้ยาการชักมากินก็ดีขึ้น แต่ว่าไม่หายไม่หายขาดถ้าวันไหนขาดยาก็จะชักเหมือนเดิม และก็บางทีน้องเอิทก็เป็นไข้บ้างอะไรบ้างก็รักษากันไป อยู่กันไปแบบธรรมดาที่ย่ากับหลานที่ดูแลกันไม่เคยห่างกันเลย ผูกพันธ์กัน ระหว่างที่อยู่ด้วยกันน้องเอิทไม่ดื้อเลย รู้สึกคิดถึง รักน้องเอิทมาก ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงอยู่ ข้าวปลาฉันก็กินไม่ค่อยได้คิดถึงน้องเอิท ไม่รู้จะทำยังไง ก็พยายามทำใจ แต่ก็ขอเวลานิดนึง ตอนนี้มันยังใหม่อยู่ ร้องไห้ทุกวัน

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่โรงพยาบาลหนองแค จ.สระบุรี เพื่อขอทราบรายละเอียดเรื่องของนายอภิชาติ อำนวยกุล พ่อของนายภานุพงษ์ อำนวยกุล หรือน้องเอิท โดยทางเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลได้รับสายและแจ้งว่าขอไม่ให้บันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพย์และไม่ขอให้สัมภาษณ์ส่วนทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลติดภาระกิจ

 

เกียรติยง อัศวราศี จ.สระบุรี

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ตำรวจ สภ.สัตหีบ" ใจฟู "หนุ่มใหญ่ใจบุญ" มอบทุนปรับปรุง "ตู้ยาม" เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน
"นายกฯอิ๊งค์" ถวายสัตย์ปฏิญาณตน แล้ว ยิ้มตอบสื่อ พรุ่งนี้เริ่มทำงาน ก.วัฒนธรรม
ชาวบ้านล้อมจับโจรขโมย จยย. ผู้ก่อเหตุแกล้งเมา พูดไม่รู้เรื่อง
"ท็อปนิวส์" ขออภัยนำเสนอภาพและคลิปข่าว "โดรน JOUAV" ผิดพลาดคลาดเคลื่อน
เรือเฟอร์รี่อินโดนีเซียล่มใกล้เกาะบาหลี
โซเชียลสวดยับ “จิรัฏฐ์” เหยียด "สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ" ลั่นแรง "อิพวกแม่บ้าน"
"หนุ่มวัย 28" ดับปริศนาคาโรงแรม กับงูเห่าในถุงผ้าที่มัดไว้
คืนเดียว 2 เคส หนุ่มไทยหนีตายจากแก๊งบัญชีม้า เล่าชะตากรรมสุดช้ำในกรุงปอยเปต
"ปตท." ครองบริษัทชั้นนำอันดับ 1 ในไทย ซ้ำได้อันดับ 2 ใน Southeast Asia ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน สะท้อนศักยภาพดำเนินงานเป็นเลิศในระดับสากล
"ปตท." จับมือ บีเอ็นพี พารีบาส์ ลงทุนตราสารหนี้ ESG หนุนภารกิจยั่งยืน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น