วันนี้(16 ส.ค.2564) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้าน Green Carcare&Coffee at Prasat Surin ริมถนนสุรินทร์-ปราสาท ก่อนเข้าตัวอำเภอปราสาทอีก 8 กม. เลขที่ 261 หมู่ 2 บ้านรำเบอะ ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ พบกับ น.ส.สุภาวดี สีเขียว ซึ่งเป็นเจ้าของร้านและเป็นผู้โพสต์ไว้อาลัยเรือคายัค ที่หายไปเมื่อคืนวันที่ 15 ส.ค.2564 วานนี้ โดยพาทีมข่าวไปดูที่เกิดเหตุพร้อมกับชี้ว่าเรือคายัคได้ผูกไว้ที่สระน้ำคู่กันกับเรือเป่าลมเป็ด-เรือ เป่าลมหงษ์ ซึ่งในคืนวันดังกล่าวเวลาประมาณ 01.00 น. น.ส.สุภาวดี สีเขียว(เจ้าของร้าน) ได้ปิดร้านไวและได้เข้านอนแต่หัวค่ำ พอช่วงเช้ามาพบว่าเรือคายัคที่อยู่สระน้ำได้หายไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบพร้อมกับตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตนได้พูดทิ้งท้ายว่าอย่าทำแบบนี้เลย หลานพูดทุกวันว่าเขาเอาเรือมาคืนยังครับย่า ตนอยากจะบอกกับคนที่เอาไปว่าถ้ายังไงก็เอามาคืนเถอะนะ
น.ส. สุภาวดี สีเขียว(ปู) เจ้าของร้านกาแฟ (เสื้อสีแดงลายทางขวาง) ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนนั้นซื้อเรือคายัคมาคอยให้ลูกค้าได้ใช้บริการ พายเรือเล่นในสระน้ำของร้าน แต่เมื่อคืนวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น เรือคายัค ยี่ห้อ BOATMAN สีส้มของปูได้หายไป พอเช้าขึ้นมาตนนั้นก็ได้เดินตรวจความเรียบร้อยของร้านกาแฟของตน และสังเกตเห็นพงหญ้าบริเวณที่จอดเรือคายัคนั้นราบ ต้นไม้และหญ้าเป็นรอยราบขนาบกับพื้นดิน ตนจึงเดินไปสำรวจก็พบว่าเรือคายัคของตนที่ซื้อไว้ได้ประมาณ2เดือน ได้หายไปจากร่องน้ำของร้านกาแฟของตน เหลืออยู่แต่เรือเป่าลมหงษ์และเป็ดเท่านั้น ตนจึงคิดในใจโดนแล้วเรา โจรมาขโมยเรือเราไปแล้ว
จากนั้นต่อมา ตนจึงเปิดกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบหาคนร้ายที่ขโมยเรือไป แต่ไม่เห็นคนร้ายเหมือนคนร้ายจะรู้มุมกล้องและเวลาเปิดปิดร้านได้ดี จึงมาลักไปโดยไม่ถ่ายติดมุมของกล้องวงจรปิด คุณปูเล่าต่ออีกว่า โดยปกติแล้วเมื่อเวลาปิดร้านตนจะนำเรือคายัคขึ้นมาจอดเก็บไว้บนร้านตรงกับกล้องวงจรปิดเลย แต่พอดีวันนั้นเกิดฝนตกหนัก ตนจึงบอกกับพนักงานในร้านว่ายังไม่ต้องเอาเรือขึ้นมาเก็บหรอก มันยังเปียกอยู่ เอาไว้อย่างนั้นหละ เช้ามาค่อยมาเช็คและพ่นยาฆ่าเชื้อก็ได้ หลังจากนั้นก็ปิดร้านไปตามปกติ เช้ามาจึงพบว่าเรือคายัคได้หายไปแล้ว
ตนจึงเดินทางไปสถานีตำรวจ อ.ปราสาท เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะหาคนร้ายมาลงโทษ คุณปูกล่าวอีกว่า ตนนั้นไม่ได้คิดว่าจะมีคนกล้าขโมยไป เพราะร้านติดกับถนนใหญ่ และมีไฟส่องสว่างตลอดคืน ตู้แดงตำรวจก็มี ทำไมยังกล้าทำ ซึ่งตลอดมาดูข่าวตลอดว่าการขโมยต้นไม้บ้าง โอ่งบ้าง แต่ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตน กว่าตนจะขายกาแฟได้แต่ละแก้วมาซื้อเรือคายัคไม่น่าทำกันเลย
พร้อมทั้งฝากบอกผ่านสื่อถึงโจรที่มาขโมยเรือไปว่า หลายชายของตนถามหาเรือว่า “ย่าครับเขาเอาเรือมาคืนสิงหาหรือยัง หรือถ้าอยากได้ให้บอกดีๆ มายืมไปใช้ได้หรือถ้าตอนนี้เปลี่ยนใจเอามาวางให้คืนก็ได้นะ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนอยากได้เลยถึงขนาดต้องมาขโมยกันได้แบบนี้ ” น.ส. สุภาวดีกล่าว.
ภาพ/ข่าว รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดสุรินทร์
