ปชป.จัดเต็มวาระประเทศไทย “ดร.สามารถ” ชู 4 เมกะโปรเจกต์ สร้างระบบรางทั่วทุกภาค

ปชป.จัดเต็มวาระประเทศไทย "ดร.สามารถ" ชู 4 เมกะโปรเจกต์ สร้างระบบรางทั่วทุกภาค

วันที่ 3 พ.ค. 66 ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว วาระประเทศไทย ครั้งที่ 5 “ปชป. กับนโยบายแก้หนี้ประชาชนและการพัฒนาระบบการเงิน” และ “ปชป.จัดเต็ม ! ดันระบบรางทั่วไทย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ – ปิดประตู “ประมูลเอื้อเอกชน” โดย ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งและโครงการขนาดใหญ่ (Megaproject) พร้อมด้วย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.กระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายและทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ณ ห้องประชุม ชั้น 3 พรรคประชาธิปัตย์ อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช

ดร.สามารถ กล่าวว่า ประเทศไทยมีทำเลยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาค แต่เมื่อหันมามองต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยแล้ว น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก โดยต้นทุน โลจิสติกส์ของไทยต่อ GDP มีค่าประมาณร้อยละ 14 ในขณะที่ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP เฉลี่ยของทุกประเทศทั่วโลกมีค่าประมาณร้อยละ 10 แต่ประเทศที่มีระบบรางที่ดีมีต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ประมาณร้อยละ 8-9 เหตุที่ต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยสูงก็เพราะว่าการขนส่งของเรายังพึ่งพาถนนหรือรถยนต์เป็นหลัก ซึ่งมีต้นทุนการขนส่งสูงกว่าการขนส่งทางราง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลดต้นทุนโลจิสติกส์ และถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยระบบราง รถไฟจะเป็นทางเลือกใหม่ของการขนส่ง เพื่อนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พรรคประชาธิปัตย์จึงมีนโยบายด้านระบบราง ดังนี้

 

 

1.รถไฟทางคู่ ซึ่งเปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของโครงข่ายรถไฟ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ริเริ่มโครงการรถไฟทางคู่ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2536 ปัจจุบันมีเส้นทางรถไฟทั่วประเทศยาวประมาณ 4,044 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางเดี่ยว 3,394 กิโลเมตร (83.9%) ทางคู่ 543 กิโลเมตร (13.4%) และทางสาม 107 กิโลเมตร (2.7%) ซึ่งในอนาคต การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนที่จะก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีทางรถไฟอีก 2,419 กิโลเมตร ทำให้มีทางรถไฟยาวทั้งหมด 6,463 กิโลเมตร เป็นทางคู่ 6,356 กิโลเมตร และทางสาม 107 กิโลเมตร ไม่มีทางเดี่ยวเลย แต่อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างรถไฟทางคู่จะต้องเลือกเส้นทางที่มีความต้องการการใช้ทางสูงเป็นลำดับแรกก่อน ซึ่งในช่วงแรก บางเส้นทางควรสร้างเป็นทางเดี่ยวก่อน เมื่อมีปริมาณผู้โดยสารและสินค้าสูงจึงก่อสร้างทางเพิ่มเป็นทางคู่ ถึงเวลานั้น ศักยภาพของรถไฟไทยจะเพิ่มขึ้น โดยมีจังหวัดที่มีรถไฟตัดผ่านเพิ่มจาก 47 จังหวัด เป็น 61 จังหวัด ความเร็วรถไฟโดยสารเพิ่มจาก 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วรถไฟขนส่งสินค้าเพิ่มจาก 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็น 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรถไฟเพิ่มจากร้อยละ 1.4 เป็นร้อยละ 10 ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะรถไฟทางคู่ในอนาคตพบว่า ในส่วนของรถไฟทางคู่สายเดิมมีเส้นทางที่กำลังก่อสร้าง 700 กิโลเมตร และเส้นทางที่จะต้องก่อสร้างอีก 2,694 กิโลเมตร ส่วนรถไฟทางคู่สายใหม่ มีเส้นทางที่กำลังก่อสร้าง 678 กิโลเมตร และที่จะต้องก่อสร้างอีก 1,741 กิโลเมตร ดังนั้น จึงมีรถไฟทางคู่ที่จะต้องก่อสร้างทั้งหมด 4,435 กิโลเมตร

พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งรัดก่อสร้างทางคู่เพิ่มเติมเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ จากรถไฟทางคู่ที่จะต้องก่อสร้างทั้งหมด 4,435 กิโลเมตร พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี พ.ศ. 2570 จะสามารถก่อสร้างได้ 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,483 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 2.7 แสนล้านบาท ประกอบด้วย (1) ปากน้ำโพ-เด่นชัย (2) เด่นชัย-เชียงใหม่ (3) ถนนจิระ-อุบลราชธานี (4) ขอนแก่น-หนองคาย (5) ชุมพร-สุราษฎร์ธานี (6) สุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา และ (7) หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เมื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 7 เส้นทางนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำให้มีสัดส่วนทางรถไฟดังนี้ ทางเดี่ยว 1,211 กิโลเมตร (25.6%) ทางคู่ 3,404 กิโลเมตร (72.1%) และทางสาม 107 กิโลเมตร (2.3%) รวมระยะทางทั้งหมด 4,722 กิโลเมตร ถึงเวลานั้นต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ของไทยจะลดลงจากร้อยละ 14 เหลือร้อยละ 12

“หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ดูแลกระทรวงคมนาคม การประมูลรถไฟทางคู่ที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนทั่วประเทศแบบสายเหนือช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายอีสานช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เนื่องจากราคาที่ได้จากการประมูลต่ำกว่าราคากลางเพียงแค่ร้อยละ 0.08 เท่ากันทุกสัญญา จะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน” ดร.สามารถ กล่าวย้ำ

สำหรับการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานที่ผ่านมา มีการแบ่งสัญญาการก่อสร้างออกเป็น 5 สัญญา เท่ากับจำนวนผู้รับเหมาขนาดใหญ่พอดี ซึ่งทุกรายเข้าประมูลและได้งาน แต่ผู้รับเหมาขนาดกลางไม่สามารถเข้าประมูลได้ หากต้องการเข้าร่วม จะต้องรวมกับผู้รับเหมาขนาดใหญ่เป็นกิจการร่วมค้า แต่มักจะถูกปฏิเสธจากผู้รับเหมาขนาดใหญ่ เพราะผู้รับเหมาขนาดใหญ่ไม่ต้องการแบ่งผลงานให้ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ผู้รับเหมาขนาดกลางกลายเป็นผู้รับเหมาขนาดใหญ่ในวันข้างหน้า ทำให้มีผู้รับเหมาขนาดใหญ่เข้ามาแข่งขันกันมากขึ้น โอกาสที่จะชนะการประมูลก็จะยากขึ้น แนวทางการประมูลรถไฟทางคู่ของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือจะเปิดกว้างให้ผู้รับเหมาทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางเข้ามาแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าก่อสร้างได้ และทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

2.รถไฟความเร็วสูง พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดทำแผนแม่บทรถไฟความเร็วสูงขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เราจะสานต่อการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย โดยจะเร่งก่อสร้างเส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา ระยะทาง 355 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 230,000 ล้านบาท เป็นการขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาวมาถึงไทย เพื่อรองรับผู้โดยสารจากประเทศจีนและประเทศลาวที่จะเดินทางมาประเทศไทยโดยรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ซึ่งหากมีชาวจีนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยวันละประมาณ 5,000 คน หรือปีละประมาณ 2 ล้านคน และหากชาวจีนเหล่านี้ใช้จ่ายเงินในประเทศไทยประมาณ 50,000 บาทต่อคน เราก็จะมีเงินหมุนเวียนอยู่ในประเทศไทยปีละประมาณ 100,000 ล้านบาท ถือเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมที่มีมูลค่าสูงจากโครงการนี้

พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนการพัฒนาเมืองรอบสถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อกระตุ้นให้มีผู้โดยสารรถไฟความเร็วสูงมากขึ้น เมืองเหล่านี้อาจประกอบด้วยเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เมืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) ที่มีการวางผังเมือง ระบบจราจร การสร้างบ้านเรือนบนพื้นฐานการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการควบคุมการปล่อยมลภาวะ และการจำกัดขยะ การพัฒนาเมืองรอบสถานีจะทำให้หัวเมืองในปัจจุบันมีการขยายตัวขึ้น มีความเจริญขึ้นจนมีสถานะเป็นเมืองระดับนานาประเทศ มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น มีการค้าขายมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น รัฐบาลสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น เหล่านี้นับเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมที่สำคัญของโครงการ และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหารือระหว่างไทย-ลาว เพื่อหาข้อยุติเรื่องการก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งใหม่ที่จะรองรับทางรถไฟปกติที่มีขนาดความกว้างของราง 1 เมตร และทางรถไฟความเร็วสูงที่มีขนาดความกว้างของราง 1.435 เมตร โดยหากพรรคประชาธิปัตย์ได้ดูแลกระทรวงคมนาคม พี่น้องประชาชนจะได้ใช้รถไฟความเร็วสูงช่วงหนองคาย-นครราชสีมา ภายในเวลาไม่เกิน 6 ปี ไม่ล่าช้าเหมือนช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งก่อสร้างมา 6 ปีแล้ว แต่มีความคืบหน้าแค่เพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น” พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งแก้ปัญหาการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งมีปัญหาการเวนคืนที่ดิน การขอใช้พื้นที่หน่วยงานของรัฐ และปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง

 

 

3.ระบบขนส่งมวลชนในเมืองมหานคร เพื่อกระจายความเจริญจากกรุงเทพฯ ไปสู่หัวเมืองหลักในภูมิภาค พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาที่เชียงใหม่ ระยะที่ 1 วงเงิน 27,200 ล้านบาท ที่ขอนแก่น วงเงิน 22,000 ล้านบาท ที่นครราชสีมา ระยะที่ 1 วงเงิน 18,400 ล้านบาท และที่ภูเก็ต ระยะที่ 1 วงเงิน 30,200 ล้านบาท และจะสนับสนุนการก่อสร้างรถรางล้อยาง (Auto Tram) ที่พิษณุโลก วงเงิน 760 ล้านบาท รวมทั้งการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรล ระยะที่ 1 ที่หาดใหญ่ วงเงิน 16,200 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมดเกือบ 1.2 แสนล้านบาท

ดร.สามารถ ตั้งคำถามว่า “ที่ผ่านมา มีการใช้เงินในการก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 1 ล้านล้านบาท จะขอเงินไปสร้างระบบขนส่งมวลชนในต่างจังหวัดทั่วทุกภาค ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ไม่ได้เชียวหรือ ?”

4.รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถึงเวลานี้ มีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว 210 กิโลเมตร ใกล้เปิดให้บริการอีก 65 กิโลเมตร ประกอบด้วยสายสีชมพูและสายสีเหลือง กำลังก่อสร้าง 46 กิโลเมตร ประกอบด้วยสายสีส้มตะวันออก และสายสีม่วงใต้ ในส่วนของสายสีส้มตะวันออกนั้น แม้ว่าการก่อสร้างงานโยธาใกล้เสร็จแล้วก็ตาม แต่ยังเปิดให้บริการไม่ได้ เพราะยังไม่มีผู้เดินรถไฟฟ้า ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และเดินรถตลอดทั้งสาย แต่ยังมีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่

ดร.สามารถ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ทั้งสายสีม่วงใต้และสายสีส้ม พร้อมทั้งจะเร่งแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเขียวที่ยืดเยื้อมานาน โดยไม่นำปัญหาของทั้ง 2 สาย มาผูกโยงกัน ตามที่เคยถูกตั้งข้อสังเกตว่าความล่าช้าในการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นเพราะบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อสู้อย่างไม่ยอมถอยในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทั้งนี้ ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการทั้งสองอย่างเต็มที่ พร้อมประกาศชัดว่า “หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ดูแลกระทรวงคมนาคม การประมูลรถไฟฟ้าที่ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 6.8 หมื่นล้านบาท จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว การประมูลรถไฟฟ้าทุกโครงการ รัฐจะต้องได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยพรรคประชาธิปัตย์จะเปิดกว้างให้มีการแข่งขันในการประมูลอย่างจริงจังและเป็นธรรมทั้งในส่วนของผู้รับเหมาและผู้เดินรถไฟฟ้า ที่สำคัญ จะไม่เกิดกรณีมีผู้รับเหมาทั้งโลกแค่เพียง 2 รายเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนดังที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว”

 

ดร.สามารถ กล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า

(1) นโยบายด้านระบบรางของพรรคประชาธิปัตย์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 6.2 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 4-6 ปี แบ่งเป็นเงินลงทุนจากภาครัฐ 5.1 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82 และเงินลงทุนจากภาคเอกชน 1.1 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18

(2) การลงทุนในโครงการรถไฟทางคู่วงเงิน 2.7 แสนล้านบาท คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP จากร้อยละ 14 ในปัจจุบัน เหลือร้อยละ 12 ในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการแข่งขันของประเทศ

(3) การลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงหนองคาย-นครราชสีมา วงเงิน 2.3 แสนล้านบาท และโครงการระบบขนส่งมวลชนในเมืองมหานคร วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท จะช่วยให้ประชาชนประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ลดมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรับกระแสโลกในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อทำให้โลกเกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สันติสุข" เทียบเจ็บ "ฮุน เซน" เหมือนคนคลั่งยา จับสมาชิกครอบครัวเป็นตัวประกัน ปลุกระดมทะเลาะไทย พาคนในชาติเดือดร้อนทั่วหน้า
วธ.เตรียมจัดใหญ่งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย กลางใจกรุงเทพฯ มางานเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วไทย
เพื่อไทยกร้าวสุด "สส.อีสาน" เล่นใหญ่ เสนอกลางวงประชุมพรรค ลั่นถึงเวลาทวง "มหาดไทย" คืน
กลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิด MOU 2543
สถานทูตในอิหร่านเตือนคนไทยออกจากเตหะราน
ครม. เห็นชอบแต่งตั้ง "เกษร" เป็นผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
อิสราเอลขู่คาเมเนอีระวังมีชะตากรรมเหมือนซัดดัม
ศน. ประกาศผลประกวดบรรยายธรรมระดับประเทศ 24 เยาวชนคนเก่ง รับโล่พระราชทาน "กรมสมเด็จพระเทพฯ"
“ไพบูลย์” ย้ำพปชร.ไม่ร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” หาก “ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากพรรคร่วม
สร.รฟท. ลงพื้นที่อีสาน ให้กำลังใจทหาร "ตาเมือนธม" คารวะทำหน้าที่ ปกป้องอธิปไตยแผ่นดิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น