“อนุทิน” เมิน “ชูวิทย์” ตามป่วนเวทีปราศรัย เปิดลึกสัมพันธ์ ชี้ชัดแค่บทละคร รอจบก็แยกย้าย

"อนุทิน" เมิน "ชูวิทย์" ตามป่วนเวทีปราศรัย เปิดลึกสัมพันธ์ ชี้ชัดแค่บทละคร รอจบก็แยกย้าย

วันที่ 2 พ.ค.66 ที่โดมหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพฯ ลงพื้นที่ย่านดินแดน ช่วยนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 5 และ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ผู้สมัคร เขต 6 หาเสียงเลือกตั้ง พบปะประชาชน และปราศรัยนโยบายพรรค

โดยนายอนุทิน ขึ้นปราศรัยว่า น.ส.ภาดาห์ ผู้สมัครของพรรค สวยความรู้ดี ทำงานเก่ง มีคุณสมบัติเป็น ส.ส. ตนและสมาชิกภูมิใจไทย จึงมาช่วยขอคะแนนจากประชาชนให้ช่วยเลือก น.ส.ภาดาห์ ด้วย เราอยากให้คุณภาพชีวิตของคน กทม. ดีอยากให้อากาศดี โดยสารรถไฟฟ้าติดแอร์ ไม่มีเสียงดัง เดินทางอย่างสบายจะทำให้ฝุ่นควัน pm 2.5 หายไปไม่ต่ำกว่า 30-40% และพรรคยังได้ออกนโยบายคนไทยที่สูงอายุเกิน 60 ปีทุกคน จะมีมรดกให้ลูกหลานคนละ 100,000 บาท เมื่อเสียชีวิต เงินนี้มาจากรมธรรม์ประกันชีวิต แล้วยังสามารถเอากรมธรรม์ไปกู้เงินได้ 20,000 บาท

 

 

ระหว่างนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้มายืนตะโกนอยู่ข้างรั้วเวทีปราศรัยขับไล่นายอนุทิน นายอนุทินก็ปราศรัยต่อแต่ได้หันไปมองนายชูวิทย์เป็นระยะ พร้อมแซวประชาชนว่าทำไมหันหน้าไปทางโน้น ไม่ฟังผมเลย แต่อย่าสนใจเลยที่นี่บ้านของทุกคน เขตดินแดง จึงขอให้ปรบมือต้อนรับผู้มาเยือน (ชาวบ้านปรบมือ บางคนก็ส่งเสียงโห่) ต่างคนต่างมาดี มันนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน ส่วนใครจะถูกหรือผิดประชาชนตัดสินใจเอง พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยต้องนิ่ง เราโฆษณาเสมอว่าไม่นิยมความขัดแย้ง ไม่ชอบทะเลาะกับใคร ไม่นิยมความรุนแรง เพราะฉะนั้นวันนี้ตนก็ต้องพูดเฉพาะนโยบายที่จะเป็นประโยชน์กับชาวดินแดงเท่านั้น

 

 

ส่วนเรื่องกัญชา พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่า พรรคไม่เคยให้กัญชาเสรี เราทำจากกัญชาทางการแพทย์เพื่อสุขภาพของประชาชน และให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชน เพื่อสร้างเศรษฐกิจเท่านั้น นอกจากนั้นผิดกฎหมายหมด ใครที่มาว่าไม่ต้องไปฟัง ขอให้ฟังคนทำงาน ทำมา 6 ปีแล้ว ทุกสิ่งมีสติ นิ่งสยบความเคลื่อนไหว นอกจากนี้เราต้องมีอุเบกขา (วางใจเป็นกลาง)

ขณะที่นายชูวิทย์ พยายามจะเข้ามาในพื้นที่ปราศรัย แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ และมีการกระทบกระทั่งกับชาวบ้านเล็กน้อย นายชูวิทย์จึงได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้า สน.ดินแดง โจมตีนายอนุทินว่าโกหกเรื่องนโยบายกัญชา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายอนุทิน จะมาถึงนายชูวิทย์ได้เดินทางมาสังเกตการณ์ที่เวทีปราศรัย แต่ตำรวจ สน.ดินแดง ได้ขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ซึ่งนายชูวิทย์อ้างกับสื่อมวลชนว่า ตำรวจบอกว่ามีการจัดเด็กในชุมชนดินแดงออกมารอ จะล่อตน ตนกลัวที่ไหนไปภาคใต้ที่ อ.จะนะ และสะบ้าย้อย จ.สงขลา มา ยังไม่กลัวเลย ถ้ากลัวก็คงไม่มาและนี่คือดินแดง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตน ดังนั้นเมื่อนายอนุทินมาหาเสียง ตนก็มาฟังได้

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมานายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ หลังการปราศรัย ถึงกรณี นายชูวิทย์ บุกมาป่วนเวทีปราศรัย ที่เขตดินแดง ว่า ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเสียงของเวทีปราศรัยดังกว่า และประชาชนก็ต้องการฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราเป็นพรรคการเมือง เวลามาพูดก็พูดถึงประโยชน์ของประชาชน และไม่รู้สึกเสียสมาธิเพราะตนพูดนโยบายได้ครบทุกประเด็น แม้กระทั่งเรื่องกัญชา ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการต่อไป โดยเน้นใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจ ส่วนคนที่พูดโจมตีก็มีอยู่กลุ่มเดียว คือกลุ่มที่เกรงว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีความนิยมมากจนพวกเขารับไม่ได้ แต่เราไม่สนใจเรื่องพวกนี้ และนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทยสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว เราปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด แล้วมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ มีกฎหมายควบคุม มีการควบคุมการใช้อย่างรัดกุม

ส่วนกรณี นายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุพรรคเพื่อไทยไม่ได้ลงมติถอดกัญชาออกจากยาเสพติด แต่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า “พูดแค่นี้ก็ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มแล้วพี่เสริฐ จริงๆรักกันดีมาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่มีอำนาจปลดกัญชา คนที่ปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดคือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) ที่มีนายกฯ เป็นประธาน ชัดไหม รัฐมนตรีสาธารณสุขมีหน้าที่ลงนามตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ส. เพราะฉะนั้นชัดเจนว่าไม่ใช่รัฐมนตรีสาธารณสุขปลดกัญชา แต่อาจจะเป็นคนที่นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์แล้วคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ตรงกับเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่ไม่มีคำว่ากัญชาอยู่ในกฎหมาย ไม่มีสิ่งใดที่ทำเลยขอบเขตกฎหมาย ดังนั้นสิ่งที่เลขาฯพรรคเพื่อไทย พูดออกมา แหมพรรคนี้คนที่เป็นคีย์หลักของพรรคต้องศึกษาข้อมูล โลกเราทุกวันนี้พูดอะไรตามความเข้าใจตัวเองไม่ได้ ต้องไปค้นหาข้อมูลให้มันถูกต้องก่อน โดยเฉพาะข้อมูลที่จะเอามาโจมตีให้คนอื่นเสียเครดิต หรือเกิดความเสียหาย ต้องศึกษาอย่ามาพูดพล่อยๆแบบนี้”

เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่าทำไมพรรคเพื่อไทยถึงมาตีเรื่องกัญชาหนัก แม้กระทั่งนายเศรษฐาเองก็โพสต์ข้อความ ติดแฮกแท๊กไม่เอากัญชาเสรี นายอนุทินกล่าวว่า ภาคไหนที่ชื่นชมในนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์มากที่สุดในประเทศไทย ภาคอีสาน ภาคเหนือ แล้วพรรคไหนที่ต้องไปดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และเป็นพรรคที่เชื่อว่าจะทำให้ความหวังต่างๆไม่ประสบความสำเร็จ คำตอบก็เห็นอยู่ไม่ต้องไปถามหรอก ตนไม่อยากพูดอะไรที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เห็นไหมความขัดแย้งได้อะไรขึ้นมา ถ้าเมื่อกี้ใจร้อนไม่มีสติยกพวกตีกันเจ็บทั้งคู่ ทำอย่างนั้นไม่ได้นี่มันประเทศ เพราะฉะนั้นถ้าใครมีอะไรดีก็ทำในสิ่งที่ตัวเองเสนอให้ดีที่สุดให้กับประชาชน เหมือนพรรคภูมิใจไทยเรามีนโยบายดีๆ ก็เสนอให้ประชาชน ถ้าพรรคอื่นมีนโยบายอะไรดีๆภูมิใจไทยก็ยินดีสนับสนุนให้นโยบายของเขาเกิดประโยชน์กับประชาชน ประเทศไทยจะได้ลดความขัดแย้ง มีความมั่นคง มีเสถียรภาพ

 

 

เมื่อถามว่า ถ้ามีเวทีปราศรัยแบบนี้ แล้วป่วนแบบนี้อีก นายอนุทิน บอกว่า ไม่เป็นไร ยินดี ตนยิ่งดังใหญ่มีคนมาโปรโมทให้ เอาไว้ละครปิดฉากทุกอย่างจบลง เดี๋ยวก็ได้คุยกันอีก ตนกับนายชูวิทย์ รู้จักกันเป็น 10 ปี ไม่ใช่รู้จักแค่เฉพาะพ่อ ลูกก็รู้จัก ลูกเขาก็มาอยู่บ้านตนที่ต่างประเทศก็รักเขาเหมือนลูก โดยเฉพาะลูกสาวเขาที่เป็นเพื่อนกับลูกสาวลูกชายตน นี่คือบทบาท เป็นละครที่นายชูวิทย์ต้องแสดงด้วยวัตถุประสงค์ใดเราก็ต้องเคารพ เพราะคนเราถ้าไม่มีวัตถุประสงค์คงไม่มาแสดงกิริยาแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรพื้นฐานจริงๆ เราก็รัก ถ้าเขาเป็นอะไรไปตนก็เสียใจ เรามีความผูกพัน ใครที่อยู่ข้างหลังเขา ก็คงไม่มีความปรารถนาดีต่อพรรคภูมิใจไทย ก็ปล่อยไป สิ่งที่จะพิสูจน์คือการเลือกตั้ง ส่วนเมื่อกี้ก็ได้ทักทายกันแล้ว ยกมือไหว้กันแล้ว เผชิญหน้าแบบนี้ไม่ได้หรอกต่อหน้ากล้องเยอะๆ เดี๋ยวก็แอคอาร์ตกันอีก เดี๋ยววันไหนจะเอาแชทหวานแหววที่เราทั้ง 2 คนคุย มาส่งให้ดู แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา ก็ถือว่าไม่เอาเปรียบกัน เราเข้าใจบทบาทของเขา เพราะชีวิตของตนผ่านอะไรมามาก จึงชินกับเรื่องแบบนี้ วันนี้ทุกคนต้องแข่งขันเพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมาย ถือเป็นเรื่องปกติ ตนเชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลังนายชูวิทย์ ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่มีความรักความผูกพันกับตนเป็นอันมาก ไม่มีใครแยกตรงนี้ได้ แต่ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างคือละคร

ส่วนเรื่องนายเศรษฐา ทวีสิน ที่โพสต์ข้อความตอบโต้นั้น ถือว่าจบ ตอบโต้กันแล้วก็ต้องจบ ไม่งั้นก็ไปเรื่อย พิมพ์จนมือหงิกหมดแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชุมชนหมู่บ้านพฤกษา 20 จัดงานนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร (องค์จำลอง) ครบรอบปีที่ 10 อย่างยิ่งใหญ่ ต้อนรับปลายปี–ปีใหม่
เปิดนิทรรศการ “กากเหล้าแดง” มรดกอาหารจีนฮกจิว
ตร.นครสวรรค์ เร่งคลายปมชายถูกฆาตกรรม หัวขาด กลางไร่อ้อย ตำรวจชี้อาจป่วยตาย แต่ญาติยังติดใจเรื่องการตาย
แม่ใจสลาย! กลับจากทำบุญ พบ ลูกชายป่วยซึมเศร้า กรีดแขนลาโลกคาเตียง!
"นายกฯอนุทิน" ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวบ้านศูนย์พักพิง "บุรีรัมย์-สุรินทร์" ลั่น "ทนได้ก็ทนไป" กัมพูชาไม่เจรจา ไม่รับผิดชอบผิดละเมิด
ปู่ฤาษีพรหมเมศศักดิ์สิทธิ์ลูกศิษย์นำฟักทอง 999 ลูกแก้บนไม่พลาดส่องเลขเทวะบันดาลอ่างน้ำมนต์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​