“ไทย-กัมพูชา” ถกความร่วมมือแรงงาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสองประเทศ

"ไทย-กัมพูชา" ถกความร่วมมือแรงงาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสองประเทศ

วันที่ 20 เม.ย. 66 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน นำคณะผู้แทนฝ่ายไทย เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา – ไทย กับนายเส็ง ศักดา (H.E.Seng Sakda) อธิบดีกรมแรงงานและฝึกอาชีพ กระทรวงแรงงาน แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกัมพูชามาทำงานในประเทศไทย โดยมี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 เมษายน 2566 ณ ห้องประชุมโรงแรมอังกอร์ พาราไดซ์ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา

 

นายไพโรจน์ กล่าวว่า สาระสำคัญของการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา – ไทยในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอประเด็นต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องการออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งในเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายหลังวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 โดยขยายระยะเวลาการยื่นเอกสารประจำตัวถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และในกรณีที่ทางการกัมพูชาประสงค์ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลเพื่อออกเอกสารประจำตัวให้แก่คนต่างด้าวให้มีหนังสือร้องขอผ่านช่องทางการทูตและสามารถดำเนินการได้ไปพลางก่อน โดยมีระยะเวลาดำเนินการจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 มีแรงงานกัมพูชาดำเนินการขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 7 กุมพาพันธ์ 2566 จำนวนทั้งสิ้น 265,000 ราย ในจำนวนนี้ มีแรงงานจำนวนหนึ่งที่ยังไม่มีเอกสารประจำตัว โดยฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดเก็บข้อมูลแรงงาน การออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชา เพื่อให้แรงงานสามารถมีเอกสารประจำตัวภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยยังได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในประเด็นการกำหนดให้ตรวจประวัติอาชญากรรมและการตรวจสุขภาพในประเทศต้นทางก่อนที่แรงงานจะเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย และบทเฉพาะกาลที่ฝ่ายไทยเสนอเพิ่มเติมเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ส่งผลกระทบต่อนโยบายและประสิทธิภาพในการจัดส่งแรงงานของทั้งสองประเทศ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามแนวทางปกติได้ และหากอนาคตเกิดวิกฤตการณ์ที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจัดส่งแรงงานมีข้อขัดข้อง จึงเสนอให้เพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อที่จะได้บริหารจัดการได้ทันท่วงที

“ผลจากการประชุมระดับวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือและข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะเป็นการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนแก่แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง ได้รับการดูแลคุ้มครองตามมาตรฐานสากล อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้าง/ผู้ประกอบการในประเทศไทย รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศอีกด้วย”นายไพโรจน์ กล่าว

 

 

ขณะที่นายเส็ง ศักดา (H.E.Seng Sakda) อธิบดีกรมแรงงานและฝึกอาชีพ กระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา การแจ้งข้อมูลให้ฝ่ายกัมพูชาทราบ กรณีแรงงานได้รับการขยายระยะเวลาสัญญาจ้างงานอีก 2 ปี การจัดตั้งศูนย์สนับสนุนแรงงานกัมพูชา (Cambodian Migrant Workers Supporting Center) ในประเทศไทย โดยฝ่ายกัมพูชามีความประสงค์ที่จะจัดตั้งศูนย์สนับสนุนแรงงานกัมพูชาขึ้นในประเทศไทยซึ่งในเรื่องนี้ฝ่ายไทยจะนำประเด็นไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว และการเสนอให้ใช้ระบบการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งและรับแรงงานกัมพูชาตาม MOU ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

“กัมพูชาและไทยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลไทยได้ดูแลแรงงานกัมพูชาที่ไปทำงานในประเทศไทย เนื่องจากขณะนั้นแรงงานได้รับผลกระทบจึงต้องเดินทางกลับประเทศเป็นจำนวนมาก และทางการไทยได้อำนวยความสะดวกดูแลเพื่อให้แรงงานกัมพูชาได้กักตัวตามมาตรการสาธารณสุข ทั้งก่อนและหลังเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งการตรวจคัดกรองโควิดและฉีดวัคซีนให้แรงงานกัมพูชาที่ไปทำงานในประเทศด้วย ซึ่งทางการกัมพูชาต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยและกระทรวงแรงงานที่ดูแลแรงงานกัมพูชาเป็นอย่างดี” นายเส็ง กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อุทยานฯเขาใหญ่" รู้ตัวแล้วหนุ่มถือมีดบุกประชิดช้างป่า ลุยเอาผิด หลังคลิปว่อนโซเชียล
“พุทธิพงษ์” จี้ “รบ.” หยุดกม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ เร่งมาตรการช่วยปชช. ลั่นปากท้องคนสำคัญกว่าบ่อน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) กุ้ยโจวพบ 'วังคริสตัล'อายุ 480 ล้านปีซุกซ่อนใต้พิภพ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนแข่ง 'วิ่งส้นสูง' นานาชาติ เด็กไทยร่วมประชันฝีเท้า
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนฉลอง 2,500 ปี คลองใหญ่แห่งปักกิ่ง
ระทึก! "น้องหม่ำ" ลิงเลี้ยงหลุดกรง ไล่กัดเด็ก 2 คน หน้า-แขน-หัวโดนขย้ำเย็บ 14 เข็ม
สุดยื้อ เหยื่อปูนร่วงใส่รถพระราม 2 กระจกแตกยับ เสียชีวิตแล้ว
"อุตุฯ" เตือน 38 จังหวัด รับมือฝนถล่ม-ลมกระโชกแรง กทม.ร้อยละ 30 ของพื้นที่
เที่ยวบินครม.สัญจรระทึก เจออากาศแปรปรวนหนักลงจอดไม่ได้ ต้องบินกลับพิษณุโลก
“พีระพันธุ์” หารือ “รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม” ญี่ปุ่น ขับเคลื่อนความร่วมมือด้านพลังงาน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น