ส.อ.ท. เคลื่อนใหญ่ร้องรัฐเร่งแก้ไฟแพงชง “บิ๊กตู่” ปรับพลังงานทั้งระบบ

ส.อ.ท. เคลื่อนใหญ่ร้องรัฐเร่งแก้ไฟแพงชง "บิ๊กตู่" ปรับพลังงานทั้งระบบ

ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่คนไทยฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ ต้องจริงจังกับการดูแลค่าไฟฟ้าว่าจะเดินหน้าไปสู่จุดใด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องปริมาณไฟฟ้าสำรองเกินความจำเป็น จนกลายเป็นภาระต้นทุนย้อนกลับมาทำให้ราคาขายปลีกผ่านกฟผ.มีอัตราสูงกว่าควรจะเป็น

โดยเฉพาะกับผลสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. ว่าด้วยความเห็น “สิ่งที่อยากให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการใน 90 วันแรก”  คืออะไร ควรเร่งแก้ไขปัญหาราคาพลังงานและค่าไฟฟ้าแพง อย่างไร

ปรากฎว่าอันดับที่ 1 เห็นควรปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานท้ังระบบ เช่น ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าให้สมดุล 77.8%

อันดับที่ 2 เห็นควร ปรับลดอัตราค่า FT ประจำเดือน กันยายน-ธันวาคม 2566 เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ 70.0%

อันดับที่ 3 เห็นควรแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน (กรอ.พลังงาน) 50.6%

อันดับที่ 4 เห็นควรเปิดให้เอกชนขายไฟฟ้า ส่วนที่เกินจากการใช้งานผ่านระบบส่ง/จำหน่ายของการไฟฟ้าฯและมีระบบหักลบหน่วยใช้ไฟฟ้าที่ขายคืนการไฟฟ้าฯเข้าระบบ 49.6%

 

ขณะที่ล่าสุด Top Biz Insight (31 มี.ค.) พูดคุยเพิ่มเติมกับผู้เกี่ยวข้อง เป็นทางด้าน นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุกับ TOPNEWS ว่า ส.อ.ท.เตรียมยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช) ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทบทวนค่าไฟฟ้าในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 ในราคาจะไม่เกิน 4.40 บาท/หน่วย ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ จากเดิม 4.77 บาท เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ

“ตามประกาศของกกพ.เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเป็นอัตราเดียวกันสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เท่ากับ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟของภาคอุตสาหกรรม จะมีการปรับลดลงจาก 5.33 บาทต่อหน่วย ลงมาเหลือ 4.77 บาทต่อหน่วย คิดเป็นการลดลง 11% ขณะที่ค่าไฟภาคครัวเรือน จ่ายแพงขึ้นประมาณ 1% ตรงนี้ไม่เห็นด้วยว่าทำไมภาคครัวเรือนต้องจ่ายแพงขึ้น”

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่เมื่อกลับมาดูสมมติฐานในการจัดทำราคาของเรกกูเลเตอร์ พบว่าการใช้สมมติฐานที่ Conservative อาจไม่เหมาะสม เพราะมีการใช้ราคาต้นทุนของพลังงานที่มาทำโรงไฟฟ้าสูงเกินไป

“สภาอุตฯ เห็นว่า ภาคนโยบายโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ยังมีเวลาทบทวนสมมติฐานในการจัดทำค่าไฟฟ้าให้ลดลงได้ โดยมองว่า มีการใช้สมมติฐานที่ Conservative สูงเกินไป” พร้อมมีข้อเสนอกลับไปถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย

– การนำราคาต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือราคา LNG มาคำนวณต้นทุนค่าไฟฟ้า ตอนนี้ ใช้ราคาเฉลี่ยของเดือนม.ค.66 ซึ่งอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู แต่ราคาปัจจุบัน ลดลงมาอยู่ที่ 13 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เมื่อมองไปข้างหน้าแล้ว สถานการณ์ทุกอย่างไม่มีเหตุผลที่ราคาพลังงานจะสูงขึ้นอีก เพราะฉะนั้น การใช้สมมติฐานแบบ Conservative Assumtion ทำให้ราคาที่ออกมาเป็นราคาที่แพงเกินไป

– การจ่ายคืนหนี้ (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้าง) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จากเดิมตามงวดแรก (ม.ค.-เม.ย.66) ที่มีแผนคืนหนี้ให้ในระยะเวลา 3 ปี ปีละ 3 งวด รวม 9 งวด แต่ในงวดที่ 2 (พ.ค.-ส.ค.66) นั้น เปลี่ยนมาเหลือ 2 ปี คือ 6 งวด ซึ่งส่วนนี้มองว่าการคืนหนี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่จากราคาพลังงานที่ต่ำลง ส่งผลให้หนี้ของ EGAT ลดลงตามราคาพลังงาน เพราะการนำเงินไปซื้อพลังงานมาผลิตไฟฟ้าในราคาที่ต่ำลงได้ จึงไม่จำเป็นต้องเร่งคืนภายใน 2 ปี จึงขอให้พิจารณาทบทวนระยะเวลาการคืนหนี้ให้ กฟผ.เป็นระยะ 3 ปี ตามงวดแรก

“เราทำตัวเลขคร่าวๆ 4.40 บาทต่อหน่วย จะเป็นราคาที่เป็นไปได้ แค่ภาครัฐทบทวนสมมติฐาน ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพื่อประชาชนไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น และไม่ทำให้วินัยการคลังของ EGAT เสียไป เพราะงวดที่แล้วก็ใช้ตัวเลข 3 ปีเป็นฐานการคำนวณ”

 

ทั้งนี้ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ในฐานะ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุด้วยว่า กพช. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ควรมีการกำหนดนโยบายเพื่อให้ กกพ.ดำเนินการทบทวนราคาค่าไฟฟ้างวด 2 (พ.ค.-ส.ค.66) ที่จะเริ่มในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยมีเวลาในการดำเนินการทบทวนอีกประมาณ 1 เดือน ซึ่งไม่ถือเป็นการหาเสียง หรือ แทรกแซงเชิงนโยบาย ที่รัฐบาลรักษาการจะทำไม่ได้ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้งประเทศ

รวมทั้งภาคธุรกิจของไทยต้องแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำกว่าไทย ดังนั้นการทำให้ต้นทุนลดลงในส่วนของค่าไฟฟ้า ยังจะช่วยปัจปัจจัยช่วยลดผลกระทบเงินเฟ้อ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันต่างๆ ให้ดีขึ้น ในแง่ของภาคเอกชนจึงเสนอต่อภาครัฐ ควรสั่งให้เรกกูเลเตอร์ทบทวน เพราะเมื่อปลายปี 65 กกพ. ได้ประกาศลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม ก่อนเริ่มงวดเดือนม.ค.-เม.ย.66 เพียงไม่กี่วัน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรวีร์" ไม่อยู่เฉยๆ โพสต์เตือนสติราชสีห์ เคยต้องพึ่งหนู สะพัดภูมิใจไทย โดนพท.บีบหนัก ต้องตอบรับเงื่อนไข สลับกระทรวงมท.หรือไม่ ภายใน 48 ชม.
"สันติสุข" เทียบเจ็บ "ฮุน เซน" เหมือนคนคลั่งยา จับสมาชิกครอบครัวเป็นตัวประกัน ปลุกระดมทะเลาะไทย พาคนในชาติเดือดร้อนทั่วหน้า
วธ.เตรียมจัดใหญ่งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย กลางใจกรุงเทพฯ มางานเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วไทย
เพื่อไทยกร้าวสุด "สส.อีสาน" เล่นใหญ่ เสนอกลางวงประชุมพรรค ลั่นถึงเวลาทวง "มหาดไทย" คืน
กลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิด MOU 2543
สถานทูตในอิหร่านเตือนคนไทยออกจากเตหะราน
ครม. เห็นชอบแต่งตั้ง "เกษร" เป็นผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
อิสราเอลขู่คาเมเนอีระวังมีชะตากรรมเหมือนซัดดัม
ศน. ประกาศผลประกวดบรรยายธรรมระดับประเทศ 24 เยาวชนคนเก่ง รับโล่พระราชทาน "กรมสมเด็จพระเทพฯ"
“ไพบูลย์” ย้ำพปชร.ไม่ร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” หาก “ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากพรรคร่วม

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น