เปิดประวัติ “สารวัตรคลั่ง” กราดยิงในบ้าน จากคนทำงานเอกสารดี ชีวิตพลิกกลายเป็นโลกส่วนตัวสูง

จากเหตุการณ์ “สารวัตรคลั่ง” ใช้ปืนยิงออกมาจากบ้านพัก ย่านสายไหม ก่อนที่ตำรวจจะใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก ผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมง จนตำรวจต้องตัดสินใจยิงปืนใส่ผู้ก่อเหตุ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล เรามาเปิดประวัติของสารวัตรคลั่งรายนี้กันว่าคือใคร...

พันตำรวจโท กิตติกานต์ แสงบุญ หรือสารวัตรกานต์ อายุ 51 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสารวัตรศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เคยทำงานอยู่ที่ กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 หน่วยอุดรธานี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ บช.ปส. ตั้งแต่ยศ ร้อยตำรวจเอก แต่ทำงานด้านเอกสาร อยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ทำงานด้านสืบสวน-ปราบปราม จับกุมผู้ต้องหาได้ เนื่องจากยังไม่มีความเชี่ยวชาญ

จากนั้นขึ้นยศ พันตำรวจตรี ที่ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการข่าวกรอง บช.ปส. โดยมีพลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ เป็นผู้บังคับบัญชาในขณะนั้น และพลตำรวจตรี ธีรเดช ได้ร่วมเข้าเจรจาในที่เกิดเหตุตั้งแต่เริ่มต้นด้วย จากนั้น สารวัตรกานต์ ย้ายไปอยู่ที่กองบัญชาการศึกษา (บช.ศ.) และตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ในตำแหน่งสารวัตรศูนย์พัฒนาด้านการข่าว ตามลำดับ ซึ่งเป็นการโยกย้ายออกนอกหน่วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า สารวัตรกานต์ ไม่มีความเครียดเรื่องโยกย้าย แต่เพื่อนสนิทให้ข้อมูลทีมข่าวว่า ‘สารวัตรกานต์’ เครียดเรื่องการย้ายงาน ก่อนก่อเหตุปิดตัวเงียบ และซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดื่มทุกเย็น ก่อนเกิดเหตุ เพื่อนสนิทเห็นใส่เครื่องแบบตำรวจไปทำงาน จึงถามสารวัตรกานต์ว่า ทำไมได้ใส่เครื่องแบบ เพราะทุกครั้งไม่เคยใส่ สารวัตรกานต์ตอบว่า ต้องใส่เครื่องแบบ เพราะไปทำงานที่ใหม่แล้ว แต่เพื่อนสังเกตเห็นว่า สีหน้า และท่าทางของคนที่ได้เปลี่ยนที่ทำงาน ไม่สดใส ต่างจากปกติ โดยมีสีหน้าเศร้า และมีความเครียด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ประวัติทำงาน ในอดีตเป็นคนทำงานค่อนข้างดีในด้านงานเอกสาร พูดจาเสียงดังเป็นบางครั้ง ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง แต่ในช่วงหลังเหมือนจะค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง และคล้ายมีอาการทางจิต พูดจับใจความไม่ค่อยได้ เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว มีเพื่อนตำรวจด้วยกัน ได้รับข้อความจากสารวัตรกานต์ พูดถึง ‘พระเจ้า’ ส่งมาให้ แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ต่อมา พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.นน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่เจ้าหน้ามี่พยายามกดดัน เพื่อเข้าควบคุมตัว ‘สารวัตรกานต์’ หรือแม้กระทั้งเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุ มอบตัวนั้น เจ้าหน้าที่ได้ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เบื้องต้น สถานการณ์มีความสุ่มเสียงที่จะก่อให้เกิดอันตราย ต่อตัวผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะผู้ก่อเหตุยังมีเครื่องกระสุนที่พร้อมตอบโต้เจ้าหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ ในการควบคุมได้มากขึ้น และเปิดช่องว่าง ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เห็นตัวผู้ก่อเหตุ โดยสามารถกดดันให้ผู้ก่อเหตุ อยู่ในบริเวณชั้นสองของห้องพัก เป็นผลมาจากการใช้โดรน บินเข้าไปตรวจการด้านใน “แต่ในขณะนี้ยังมีความเสี่ยง ที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย จึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการใช้ยุทธวิธีจู่โจม ซึ่งต้องประเมินว่า อาการป่วยของผู้ก่อเหตุ จะต้องใช้วิธีใด หากประเมินแล้ว จำเป็นต้องใช้กระสุนจริง เจ้าหน้าที่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติงานทันที ส่วนการเจรจาสื่อสารนั้นไม่สามารถจะสื่อสารแบบคนปกติทั่วไปได้”

ส่วนยุทธวิธีที่ให้เพื่อนร่วมงานมาร้องเพลงให้ฟัง และมีการจู่โจมควบคู่ไปด้วยนั้น เป็นวิธีที่ดึงดูดความสนใจ แต่จากการปฏิบัติแล้ว ทางผู้ก่อเหตุ ยังมีการตอบโต้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องถอนกำลังมาอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ส่วนอาวุธ ที่ผู้ก่อเหตุใช้นั้น เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่า เป็นชนิดลูกโม่ที่ใช้ตอบโต้ นอกจากนี้ยังเสียงปืน คล้ายระบบออโตเมติก สังเกตได้จากเสียงปืนที่ดังต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปืนชนิดใด

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในการเข้าจู่โจม ชุดปฏิบัติการพิเศษ ถูกกระสุนของผู้ก่อเหตุยิงสวนมาถูกหมวก แต่กระสุนแฉลบออกไปทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ และมีการเปิดเผยภาพจากโดรนของเจ้าหน้าที่ ที่สามารถบันทึกภาพผู้ก่อเหตุที่อยู่ภายในบ้านพักได้ชัดเจน ซึ่งสามารถระบุตำแหน่งได้

จนกระทั่งเวลา 11.45 น. ทางตำรวจได้เปิดปฏิบัติการสยบ “สารวัตรคลั่ง” เริ่มจากเสียงทุบประตูหรือกำแพง 4-5 ครั้ง จากนั้นตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นหลายสิบนัด มีควันลอยออกมาจากด้านหลังบ้าน จากนั้นเวลาประมาณเที่ยงได้มีรถพยาบาลขับออกไปอย่างเร่งด่วน จากนั้นเพียง 15 นาทีถัดมา เจ้าหน้าที่ประกาศปฏิบัติการเสร็จสิ้น ได้รับรายงานสารวัตรกานได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ก่อนที่ พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะออกมายืนยันกับสื่อมวลชนในเวลา 12.40 น. ว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ แต่สารวัตรกานต์ ถูกยิงหลายนัดนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว อีก 15 นาทีให้หลัง กำลังตำรวจคอมมานโด และหน่วยอรินทราช 26 ทยอยออกจากพื้นที่ พร้อมเก็บอุปกรณ์ออก และได้ยินเสียงหม้อแปลงระเบิด 1 ครั้ง และในเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกนัฏ” ทลายรีไซเคิลศูนย์เหรียญปราจีนฯ ลอบประกอบกิจการ ซุกขยะพิษ-วัตถุอันตรายกว่า 8,000 ตัน ชง DSI รับเป็นคดีพิเศษ
ศธ. จุดพลังเยาวชนอาเซียน ดึง AI เปิดค่าย AYC 2025 แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสู่โลกอนาคตที่ยั่งยืน
"อนุทิน" ลั่นไม่ต้องรอ 48 ชม.แจ้งเพื่อไทยแล้ว ไม่รับเงื่อนไขแลกเก้าอี้ มท.1
"ประเสริฐ" ปัดโดนสำนักงบฯริบเงิน 5.1 หมื่นล้านแก้ภัยแล้ง แจงรัวเจอยื่นร้องป.ป.ช.ทำผิดรธน.มาตรา144
"TOPNEWS" คืนจอทีวีดาวเทียมช่อง 77 ตั้งเป้าสู่ศูนย์กลางสื่อเพื่อประชาชน
"สมชัย" แซวเจ็บเพื่อไทยยื่นคำขาด ภท. เทียบ "ฮุนเซน" ลั่นปิดด่าน สุดท้ายต้องแก้ตัว โทษสื่อลงผิดเอง
"นายกฯ" ถอนหายใจแรง โดนสื่อซัก ปมปรับครม. "อนุทิน" ลั่นพร้อมเป็นฝ่ายค้าน
"ฮุนเซน" พล่านแซะไทย ตั้งทีมฉก.ตอบโต้ข่าว กลัวอะไรแค่โพสต์เฟซบุ๊กพูดความจริงเรื่องในกัมพูชา
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ไปดู'หวีจากเขาสัตว์' หนึ่งในสามสมบัติเก่าแก่ในฝูโจว
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) พิพิธภัณฑ์ 'กำแพงเมืองจีน'เปิดรับแขกในเหอเป่ย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น