แม้วันนี้คนไทยทั้งประเทศยังลุ้นอนาคตตัวเองเจียนอยู่เจียนไป ท่ามกลางสงครามโควิด-19 ที่ยังวิกฤติต่อเนื่อง ตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล รายงานข้อมูลเบื้องต้น พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่รวม 19,603 ราย ผู้ป่วยสะสม 747,245 ราย (ตั้งแต่ 1 เม.ย.2564 ) หายป่วยกลับบ้าน 19,819 ราย หายป่วยสะสม 527,908 ราย (ตั้งแต่ 1 เม.ย.2564 ) ผู้ป่วยกำลังรักษา 214,421 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 149 ราย รวมเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย.2564 จำนวน 6,259 คน
ขนาดสงครามเชื้อโรคโควิด-19 หนักหน่วงขนาดนี้ แต่คนไทยก็ยังไม่วายซวยซ้ำซวยซ้อนจากมรสุมร้ายๆ สารพัดเรื่องที่ถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ปลุกระดมคนออกมาเคลื่อนไหวขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ แอบแฝงทำลายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ชนิดไม่กลัวโรคร้ายไม่เกรงกฎหมายบ้านเมือง แถมยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงบ้านเมืองฝืดเคืองให้หนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้การออกมาเคลื่อนไหวก่อเหตุชุมนุมในช่วงนี้ หากแจกพ็อตถูกตำรวจจับงานนี้จะถูกดำเนินคดีหลายเด้งผิดหลายกระทง เพราะบ้านเมืองอยู่ในช่วงไม่ปกติมีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษหลายฉบับ อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ,พ.ร.บ.โรคติดต่อ, พ.ร.บ.ความสะอาด,พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯลฯ
นอกจากจะต้องเผชิญสงคามโควิด-19 ใช้ชีวิตอย่างหวาดผวากลางดงเชื้อโรคแล้ว เคราะห์ซ้ำกรรมซัดคนไทยยังต้องมาเจอม็อบป่วนก่อเหตุทุกอาทิตย์ คาร์ม็อบบนถนนแว๊นมอเตอร์ไซด์สร้างความเดือดร้อนทำรถติดไปทั่วกรุงซ้ำเติมเพิ่มไปอีก เท่านั้นยังไม่พอหันหน้าเข้าเว็บจะดูข่าวสารบ้านเมืองในโลกออนไลน์ให้ชื่นใจก็มีแต่เฟคนิวส์ข่าวลือข่าวลวงจนท่วมโซเชี่ยลส์ เนื้อหาสาระก็ไม่มีประโยชน์โพดผลอะไรกับชาวบ้านเลย เพราะมีแต่ด่าพล.อ.ประยุทธ์ โจมตีรัฐบาล ด้อยค่าวัคซีน ด่าศบค.ล้มล้างสถาบัน ปล่อยภาพส่งคลิปที่ทำอุบาทว์หยาบช้ากับสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยและบ้านเมือง
ทั้งๆที่ความจริงท่ามกลางมรสุมข่าวร้ายกลางสมรภูมิโควิด-19 ก็มีสัญญาณบวกเรื่องดีที่คนไทยบางคนไม่อาจรับรู้ เพราะสื่อส่วนใหญ่ไม่นำเสนอหรือต่อให้เอาไปอ่านนำไปขยายก็แค่แค่เล็กๆพูดเพียงผ่านๆ ทั้งๆที่ช่วงเวลาแบบนี้ควรมีข่าวดีๆให้กำลังใจเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจให้แก่กัน
ประการแรกตัวเลขผู้ติดเชื้อ 10 วันย้อนหลัง แม้คนติดเชื้อยังสูงอยู่มาก แต่คนป่วยที่ได้รับการรักษาหายป่วยกลับบ้าน ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวได้โอกาสไปต่อก็มีเพิ่มมากเป็นเท่าทวีคูณเช่นกันแถมไล่เลี่ยใกล้เคียงกับตัวเลขคนป่วยรายวัน บางวันหายป่วยมากกว่าติดเชื้อ ตัวเลขข้อมูลไม่โกหกใคร 10 วันย้อนหลังชัดเจนว่าการรักษาของหมอ แพทย์ พยาบาล สาธารณสุขของไทยเริ่มเห็นผลชัดเจน 31 ก.ค. ผู้ติดเชื้อ 18,912 รายหายป่วยกลับบ้าน 10,750 คน, 1 ส.ค.ผู้ติดเชื้อ 18,027 ราย หายป่วยกลับบ้าน 13,402 คน, 2 ส.ค. ผู้ติดเชื้อ 17,970 ราย หายป่วยกลับบ้าน 13,919 คน, 3 ส.ค. ผู้ติดเชื้อ 18,901 ราย หายป่วยกลับบ้าน 18,590 คน , 4 ส.ค. ผู้ติดเชื้อ 20,200 ราย หายป่วยกลับบ้าน 17,975 คน, 5 ส.ค. ผู้ติดเชื้อ 20,920 ราย หายป่วยกลับบ้าน 17,926 คน,
6 ส.ค.ผู้ติดเชื้อ 21,379 ราย หายป่วยกลับบ้าน 22,172 คน, 7 ส.ค.ผู้ติดเชื้อ 21,838 ราย หายป่วยกลับบ้าน 21,108 คน, 8 ส.ค. ผู้ติดเชื้อ 19,983 ราย หายป่วยกลับบ้าน 18,503 คน, 9 ส.ค. ผู้ติดเชื้อ 19,603 ราย หายป่วยกลับบ้าน 19,819 คน เป็นต้น
ประกาศที่้สองการนำเข้ายาและการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่ล่าสุดมีการปรับแผนเพื่อทำให้สามารถนำเข้าและผลิตยาให้ได้มากขึ้น โดยแผนการของอภ. เดือนก.ค.-ส.ค. จะผลิตและจัดหายา 2 เดือนรวม 120 เม็ด ส่วนเดือนต.ค. ถึง ธ.ค. จะผลิตและจัดหายาเดือนละ 100 ล้านเม็ด รวม 300 ล้านเม็ด นอกจากนี้ในเดือนส.ค.จะมีการนำเข้ายาแรมเดซิเวียอีก 2 แสนขวด เพื่อให้เพียงพอกับการนำไปใช้รักษาผู้ป่วย จุดนี้ก็จะทำให้แพทย์สามารถให้ยากับผู้ป่วยที่มีผลตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ได้ในทันทีแม้จะเริ่มผบและเป็นกลุ่มสีเขียวก็ตามทีเพราะเราเริ่มมียาในสต็อกที่มีปริมาณมากพอ
ประการที่สาม การปรับมาใช้แอนติเจนเทสต์ เทสต์ คิด ( Antigen Test Kit ) จากเดิมที่ใช้ วิธีตรวจแบบ RT-PCR ซึ่งกินเวลานาน ยิ่งหากมีการติดเชื้อจำนวนมากก็จะทำให้ผลแลปออกได้ล่าช้าและการออกไปตรวจก็เสี่ยงติดเชื้อเพิ่มด้วย อย่างไรก็ตามการตรวจด้วยวิธี ATK สามารถตรวจได้ง่ายทั้งบุคลากรและประชาชนทั่วไป ตรงนี้ก็ช่วยทำให้การคัดกรองเบื้องต้นทำได้โดยง่าย 1. หากผลตรวจ ATK เป็นบวก รับยาและรักษาแบบ Home Isolation ได้ทันที 2. หากต้องรักษาใน Community Isolation หรือสถานพยาบาล ให้ตรวจคู่ขนานด้วย RT-PCR และแยกจากผู้ป่วยโควิดระหว่างรอผลตรวจ
ประการที่สี่ การจัดสรรเตียงของผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ 1668 , 1669, 1330, 191 ฯลฯ เริ่มลื่นไหลมากยิ่งขึ้นและมีแนวโน้มลดลง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการบริหารจัดการเตียงที่มีประสิทธิภาพและการรักษาผู้ป่วยที่ทำได้มากขึ้น
ประการที่ห้า การฉีดวัคซีนให้คนไทยก็ทำได้มากขึ้น ล่าสุดผลการฉีด (28 ก.พ. – 8 ส.ค. 2564) รวม 20,669,780 โดส ใน 77 จังหวัดจำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 15,986,354 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 4,461,861 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 221,565 ราย ไทยฉีดวัคซีนเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน , ความเร็วในการฉีดอันดับที่ 18 ของโลก , อันดับที่ 91 ร้อยละของการครอบคลุมประชากร , มีวัคซีนมากกว่า 30 ล้านโดส , มีวัคซีนโควิด-19 ฉีด 4 ชนิด ขึ้นทะเบียนแล้ว 6 ชนิด , กำลังทดลองวัคซีนของไทยเองอย่างน้อย 4 ชนิดในมนุษย์ เป็นต้น
โดยสรุปสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 37 ของโลก (9 ส.ค. 2564) อัตราป่วยต่อประชากร 1 ล้านคน ไทยอยู่ที่ 11,088 คน ดีกว่าอินโดนีเซีย 13,249 คน มาเลเซีย 38,466 คน อัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคน ไทยเสียชีวิต 91 คน มาเลเซีย 327 คน อินโดนีเซีย 387 คน
ในความพยายามของบางฝ่ายบางคนบางพวกที่ด้อยค่าวัคซีน ดูแคลนประสิทธิภาพการรักษาของแพทย์ พยาบาล บุคลากรด่านหน้า ด่านายกฯ โจมตีศบค. วิพากษ์วิจารณ์สถาบัน ว่าเป็นต้นเหตุเป็นตัวการเป็นคนบริหารงานผิดพลาดจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในทางตรงข้ามหลายคนเลือกที่จะทำ เลือกที่จะสู้ เลือกที่จะพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อต่อสู้กับสงครามโควิด-19 ท่ามกลางมรสุมร้ายยังพอมีข่าวดีๆของมุมโควิด-19 ให้รับรู้ได้บ้างสำหรับคนไทย
//////////////////////
