ไฟป่าไหม้จากฝั่งกัมพูชาลุกลามเข้าฝั่งไทยเสียหายกว่า 1200 ไร่

จากสถานการณ์ดังกล่าวนายไพรัช ศรีบรรเทาจึงขอความช่วยเหลือจากอำเภอบ่อไร่ ซี่งนายสุเมธ ตะเพียนทอง ปลัดอำเภอ (รักษาการแทนนายอำเภอบ่อไร่) ซึ่งทำให้ทางอำเภอบ่อไร่ประเมินสถานการณ์ต่างๆแล้วจึงประกาศให้พื้นที่อำเภอบ่อไร่เป็นภาวะภัยพิบัติไฟป่า เนื่องจากควบคุมไฟไว้ไม่ได้ และเป็นเขตชายแดนกลัวจะลุกลามเข้าสวนผลไม้ของชาวบ้านเพราะไฟเริ่มลุกลามเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะฐานทหารพรานนาวิกโยธินบ้านเนินสี่ร้อย และกองร้อยทพ.นย.ที่ 513 หากไม่สามารถควบคุมเพลิงได้จะทำให้ถูกไฟไหม้ได้
นอกจากนี้รองนายกอบต.นนทรีย์ ได้ประสาน ทาง ปภ.จังหวัดตราด เพื่อเร่งกมรเข้ามาช่วยแก้ไข และหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยก่อนที่จะลุกลามถึงบ้านประชาชนในค่ำคืนนี้

ต่อมาในเวลา 16.30 น.นายชำนาญนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจ.ตราดที่ได้รับรายงานสถานการณ์จากทางอำเภอบ่อไร่และปภ.ตราด
จึงเดินทางมาติดตามสถานการณ์ในพื้นที่กองร้อยทพ.นย.ที่ 513 และรับฟังสถานการณ์จากนายสุเมธ ตะเพียนทอง และหัวหน้าชุดควบคุมไฟป่าจากสถานีควบคุมไฟป่าน้ำตกคลองแก้วและผบ.ร้อยทพ.นย.ที่ 513 แล้วเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนบ้านเนิน 400 และฐานทหารพรานเนิน 400 ระหว่างทางพบต้นไม้ ต้นไฝ่ ต้นกล้วยป่า และหญ้าต่างๆถูกไฟป่าเผาผลาญได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่ไทยและในกัมพูชา
และมีต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้มลงขวางถนนที่เข้าอำเภอบ่อไร่ รถยนต์ผ่านไปได้แค่เลนเดียว

ส่วนในฝั่งกัมพูชาก็ยังมีพื้นที่เข้าไปในบ้านฉอระกาเป็นระยะทางยาวและเป็นพื้นที่กว้าง และยังมีควันปกคลุมอยู่จำนวนมาก โดยผู้ว่าราชการจ.ตราดได้เข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาที่อยู่หน้าด่านถึงสาเหตุไฟไหม้และความเสียหายซึ่งได้รับทราบว่า มีพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้จำนวนมาก และยังมีไฟไหม้ติดอยู่ แต่ไม่สามารถเข้าไปดับได้เนื่องจาก
ยังมีไฟลุกไหม้ และมีกับระเบิดอยู่