เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อรายงาน จากกรณีที่ชาวบ้านบ้านบางเตย 5 หมู่.1,2,4,6 และหมู่ 11 ได้รับความเดือดร้อน จากฝูงนกนับหมื่นตัวเข้ามาทำรังออกลูกหลาน ภายในป่าเรียบทางรถไฟบนเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้านมานานนับปี ซึ่งชาวบ้านเคยทำเรื่องร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทราแล้ว จนเรื่องตีกลับมาที่ท้องถิ่นแต่ก็เงียบหายไป ชาวบ้านต้องทนกับมลภาวะด้านเสียงในช่วงหัวค่ำ ที่ร้องจอแจไม่ขาดสาย อีกทั้งกลิ่นจากขี้นกที่เวลาลมพัด ก็จะพัดกลิ่นเข้าบ้านเรือนประชาชนโดยรอบ ชาวบ้านยังกลัวเรื่องของเชื้อโรคจากไข้หวัดนกและการระบาดต่างๆ ที่ผ่านมาชาวบ้านพยายามหาวิธีไล่นกต่างๆ เหล่านี้ไปแล้วหลายวิธี แต่นกก็ไม่ยอมไป เพราะทำรังอยู่ในป่าแห่งนี้ พอช่วงทำนา หลังจากชาวบ้านหว่านข้าวไป นกก็จะมากัดกินเมล็ดข้าวในนา สร้างความเสียหายจนชาวบ้านต้องจัดเวรยามในครอบครัวมานั่งเฝ้าที่นาข้าว จนมืดค่ำกว่าจะได้เข้าบ้าน ส่วนทางด้านภาคประมงนั้นก็ได้รับความเสียหายไม่น้อยหน้ากัน เมื่อนกกระยางและนกเป็ดน้ำจำนวนมาก ได้ลงไปกินลูกกุ้งลูกปลา ของชาวบ้าน โดยชาวบ้านหาตาข่ายมาขึงรอบบ่อแล้ว แต่นกเหล่านี้ก็หาวิธีลงไปกินสัตว์น้ำของชาวบ้านจนได้
ล่าสุดวันนี้ ( 6 ส.ค.64 ) ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบนายบำเพ็ญ สินภักดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตย โดยเปิดเผยว่า กรณีการร้องเรียนดังกล่าวมีจดหมายสั่งการจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา มาที่ อบต.จริง และได้ปะสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้านลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่นกอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งต้องขอชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้พื้นป่าดังกล่าว จำนวน 25 ไร่ เป็นที่ดินของเอกชน อบต.พยามยามติดต่อเจ้าของที่จากผู้ดูแลซึ่งเป็นชาวนาในพื้นที่ จนทราบว่าเป็นอดีตข้าราชาการครูเกษียณ พักอาศัยอยู่แถวๆ ม.รามคำแหง กรุงเทพมหานคร ซึ่งทาง อบต.ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังเจ้าของที่แล้ว ถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เหลือเพียงเจ้าของที่ติดต่อกลับมา ส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีท้องที่นั้น เนื่องจากช่วงนี้ระยะ 2 ปี ที่ผ่านมาเป็นสถานการณ์โควิด-19 ตามระเบียบของทางราชการให้ชะลอการดำเนินการในเรื่องการเสียภาษี และสถานที่ประเมินแล้วไม่ถึง 50 ล้านก็จะมีการยกเว้น ส่วนกรณีเรื่องที่ชาวบ้านกลัวเรื่องเชื้อโรคจากนกที่พักอาศัยอยู่นั้น ทาง อบต.ได้ประสานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและเก็บตัวอย่างนกไป ซึ่งผลตรวจไม่พบเชื้อโรคที่จะระบาดทำอันตรายต่อชุมชน อีกทั้งยังฝากแจ้งเตือนผู้ที่ร้องเรียน (นายไพบูลย์ ลายประดิษฐ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา) ว่าจะรับผิดชอบได้หรือหากชาวบ้านเข้าไปไล่นกในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล พื้นที่เอกชน ซึ่งชาวบ้านเองไม่สามารถเข้าไปไล่ภายในที่เข้าได้ โดยตอนนี้ต้องรอการตอบกลับจากเจ้าของที่ว่าให้ทาง อบต.สามารถเข้าไปดำเนินการได้ จากนั้นจะมีการเรียกประชุมชาวบ้านในพื้นที่ถึงผลกระทบที่ได้รับ ร่วมกันทางออก ว่าเสียงส่วนใหญ่จะให้ดำเนินการอย่างไร
ขณะที่นายประเทือง ชัยสายัณห์ กำนันตำบลบางเตย ได้เปิดเผยว่า ตนเองก็ได้รับทราบความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้ว แต่อย่างที่กล่าวไปพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นของเอกชน ต้องได้รับหนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ ทางท้องถิ่นจึงสามารถดำเนินการได้ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วหากมีการตัดต้นไม้ ไล่นกในป่านี้ออกไป ฝูงนกนับหมื่นตัว ก็จะพากันไปเกาะและทำรังใหม่ ในป่าใกล้ๆกันนี้ เพราะพื้นที่ของ อบต.บางเตยนั้นส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า คงไม่จบไม่สิ้น ไล่นกจากป่านี้ นกก็จะหารัง ในป่าต่อๆไปในพื้นที่ อีกทั้งนกในป่าแห่งนี้ส่วนมากเป็นสัตว์สงวน ทั้งนกเป็ดน้ำ นกปากห่าง นกกระยางและนกอีกหลายๆ ชนิด การเข้าทำร้ายหมายชีวิตจึงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ได้เก็บมูลของนก ไปตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้วประมาณหนึ่งเดือน โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหากผลตรวจสอบว่ามีเชื้อโรคที่แพร่ระบาดจากนกในป่านี้ได้ก็จะรีบแจ้งกลับมา ซึ่งตอนนี้ก็ต้องรอให้เจ้าของที่ตอบรับกลับมา จึงจะเรียกชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาประชุมหารือร่วมกันเพื่อหาทางออก
สราวุฒิ บุญสร้าง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค TOPNEWS ฉะเชิงเทรา
