กรมการปกครอง ฟัน 3 ข้อหา “มูลนิธิเป็นต่อ” เครือข่าย “สารวัตรซัว” ตั้งมูลนิธิไม่ได้รับอนุญาต

กรมการปกครอง ฟัน 3 ข้อหา "มูลนิธิเป็นต่อ" เครือข่าย "สารวัตรซัว" ตั้งมูลนิธิไม่ได้รับอนุญาต

13 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นิติกรกรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของมูลนิธิเป็นต่อ หลังพบว่าไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ

 

นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการกล่าวถึง “มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด” กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในฐานข้อมูล ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว และจากการลงพื้นที่สืบสวน พบผู้ถือหุ้นคนหนึ่งในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ยอมรับว่า มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ปไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิแต่อย่างใด เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท

จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่ตั้งมูลนิธิภายในรามอินทราซอย 5 แยก 15 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ก็พบว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานบริษัทอื่นที่อยู่ในอาคารเดียวกัน อีกทั้งยังตรวจสอบไปยังผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ก็ยอมรับว่าไม่ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งจริง

ข่าวที่น่าสนใจ

การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธินี้เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย วันนี้กรมการปกครองจึงมอบหมายให้ตนเอง และพนักงานฝ่ายปกครอง ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับมูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด ใน 3 ความผิดฐาน คือ

1.ผิด พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ใช้คำว่ามูลนิธิประกอบกับชื่อในดวงตาและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยที่มิได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ

2.พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตร 8 ประกอบมาตรา 17

3.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ส่วนหากจะมีความผิดอื่นใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ในกรณีนี้กรมการปกครองประสานงานใกล้ชิดกับกองบังคับการปราบปรามแล้ว ซึ่งจะต้องสอบสวนขยายผลต่อไป

 

นายรัฐวิช ยังเปิดเผยว่า หลังจากมีกระแสข่าวกลุ่มทุนจีนสีเทาเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ทางกรมการปกครองสั่งการไปให้ทุกอำเภอตรวจสอบมูลนิธิต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา ว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อบังหน้าธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งมูลนิธิที่มีการก่อตั้งแล้วไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการใด ๆ ด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จับแล้ว ! โจรไรเดอร์ชิงทอง 163 บาท ห้างดังย่านบางบ่อ สารภาพก่อเหตุเพราะหนี้นอกระบบ
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'ชะนีคิ้วขาว' เกาะไหล่จนท.อุทยานยูนนาน ช่วยเป็นเพื่อนลาดตระเวน
ระทึกกลางดึก! 2 โจ๋บุกตลาด ใช้มีดขู่พ่อค้าซื้อน้ำแข็ง ชิงเงินพัน แต่เจอฮึดสู้จนเผ่นหนี กล้องวงจรปิดจับภาพชัด
เทคนิคระยอง นำครู และ นศ. ลงแขกดำนา ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ
เมืองคอนประชุมเตรียมจัดงานใหญ่ประจำปี 2568
ปราจีนบุรี หลักเขตแดนที่ 50 โบราณวัตถุชิ้น ล่าสุด ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​