ปรากฎการณ์พรรคเพื่อไทยเทพรรคก้าวไกลให้โดดเดี่ยว ก่อนยกมือสนับสนุนเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากให้นำเงินงบประมาณที่ปรับลดจำนวน 16,362 ล้านบาทไปไว้ในส่วนของงบกลาง เพื่อให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สามารถหยิบจ่ายใช้สอยไปทำสงครามโควิด-19 รักษาชีวิตคนไทย แบบถีบหัวส่งกรรมาธิการเสียงข้างน้อยก้าวไกล ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2565 ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นรอยร้าวระหว่างพรรคดาวเทียมกับพรรคส้มหวาน
แม้จะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านที่อยู่ตรงข้ามพล.อ.ประยุทธ์ อยากล้มรัฐบาลเหมือนกัน แต่พรรคเพื่อไทยก็มีธงก็มีเป้าที่ชัดเจน ในการแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง กรณียกมือโหวตตัดงบประมาณ 2566 ไปไว้ในงบกลางใส่กระเป๋ากางเกงพล.อ.ประยุทธ์ 1.6 หมื่นล้าน ชนิดที่ส.ส.พรรคส้มหวานออกมาตั้งแถวเรียงหน้าด่าส.ส.พรรคเพื่อไทยไร้สัจจะ อุตส่าห์ลงทุนนั่งประชุมตัดงบอื่นๆเป็นเดือนๆ แต่สุดท้ายมาโยนใส่งบกลางให้นายกฯ เปรียบเทียบแสบสุดตัดงบแบบนี้ไม่ต่างจากไถนามาให้พล.อ.ประยุทธ์ จุกอกกันเป็นแถว ยกวลีกระทบชิ่งพรรคเพื่อไทยกำลังถูกชวนไปเข้าแก๊งค์โจร
ร้อนถึง “โจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย 1 ในกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ต้องออกมาตอบโต้ทิ่มกลับพรรคก้าวไกลเล่นการเมืองอย่างเดียว ปิดหูปิดตาไม่ดูความทุกข์ร้อนของประชาชน ทั้งที่สงครามโควิด-19 ทำคนไทยติดเชื้อหลายแสน เสียชีวิตครึ่งหมื่น บ้านเมืองยังวิกฤติ พรรคส้มหวานส้มเน่ายังมีหน้าเล่นการเมืองทุกช็อตทุกเม็ดแบบไม่รู้หวัน (ดวงตะวัน) ” การแปรญัตติพรรคก้าวไกลไม่เห็นมีกรแปรญัตติไปช่วยโควิดเลย การโหวตของกมธ.งบประมาณพรรคเพื่อไทยที่ไปตรงกับพรรคร่วมรัฐบาลคงเป็นเพราะส.ส.ทุกคนเห็นว่าขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนกับโควิดจริงๆ” ยุทธพงศ์ระบุ
จากนั้นบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ออกโรงตั้งโต๊ะแถลงปกป้องจุดยืนตัวเองซัดกลับพรรคส้มหวานแบบจัดหนัก อบรมก้าวไกลแยกแยะการเมืองออกจากความเดือดร้อนของประชาชน นำโดย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานกมธ.พิจารณาร่างงบประมาณปี 2565 เรียงหน้าแจงโหวตงบกลาง อย่าบ้าหวันหน้ามืดตามัวมุ่งแต่ความสะใจจนลืมความทุกข์ยากของประชาชน
” งบส่วนนี้ควรนำไปใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนซึ่งกำลังลำบากแสนสาหัสจากโควิด คำกล่าวที่ว่า เอางบกลางไปให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้ เอาไปซื้ออาวุธมายิงประชาชน เป็นคำกล่าวที่เกินเลยข้อเท็จจริงไปมาก” ประเสริฐอัดก้าวไกล ขณะที่หมอชลน่านก็สอนมวยก้าวไกล โดยระบุว่า เราต้องแยกวัตถุประสงค์ เงินที่วางไว้กับคนบริหาร เหตุอยู่ตรงไหนแก้ตรงนั้น ประยุทธ์ไม่ดี เอาประยุทธ์ออกไป เราต้องช่วยกัน ไม่ใช่ทำร้ายพี่น้องประชาชนโดยการไม่ให้เงินเขา เขาไม่มีข้าวกิน ไม่มีออกซิเจน ไม่มีเครื่องตรวจ ดังนั้นเงิน 1.6 หมื่นล้านบาทนี้ มีประโยชน์ต่อเขามาก ที่จะทำให้ไม่ตาย เรียกว่าซัดกันหนักอัดกันนัวระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล
มีการวิเคราะห์เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถีบหัวส่งพรรคก้าวไกลในคราวนี้ เพราะเหตุ 1. ส.ส.พื้นที่ในพรรคเพื่อไทยเห็นว่าไม่ควรเล่นการเมืองในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องการแปลงงบประมาณลงต่างจังหวัด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ได้ความเดือนร้อนจากพิษโควิด-19 อย่างแสนสาหัสอยู่แล้ว หากไปขวางรัฐบาลอีกโอกาสในการได้เม็ดเงินลงไปต่อลมหายใจในพื้นที่ก็จะลำบาก 2. ระดับแกนนำหรือผู้ใหญ่ในพรรคก็เห็นว่าไม่ควรเดินตามหลังพรรคก้าวไกลทุกเรื่อง แม้หลายเรื่องจะเห็นตรงกัน แต่บางเรื่องต้องรักษาจุดยืนของตัวเองบ้างไม่ใช่ให้พรรคก้าวไกลจูงจมูกทุกเรื่องทุกประเด็น 3. มีกระแสข่าวเรื่องรัฐบาลแห่งชาติหรือการล้างไพ่ใหม่ทางการเมือง ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นจริงตามข่าวที่ซุบซิบกันหรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พรรคเพื่อไทยถูกโยงว่าอาจสลับขั้วย้ายข้างไปซบอกอุ่นของพล.อ.ประยุทธ์ แม้ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้ยาก เพราะเวลาในการทำงานของรัฐบาลเหลือน้อย คือแค่ปีเศษๆ แถมการเปลี่ยนขั้วไปอยู่กับพรรคปลังประชารัฐก็เสี่ยงเสียฐานคะแนน ฐานมวลชนของตัวเอง
ล่าสุดมีปฏิกิริยาจากคนเสื้อแดงคนเพื่อไทยประกาศจะไม่ทนให้ก้าวไกลขี่คออีกต่อไป ที่พูดตรงใจสุดคือพิพัฒนชัย ไพบูลย์ แกนนำคนเสื้อแดงออกมาจัดหนักจัดเต็มให้เพื่อไทยปลดแอกจากก้าวไกล ” วันนี้พรรคเพื่อไทย ไม่สมควรสงวนท่าทีอีกต่อไป ต้องแสดงจุดแข็งให้ชัด เราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งมัน เข้าใจได้แล้วว่า มันรู้ว่าฐานการเมืองของมัน คือคนกลุ่มหนึ่งของเพื่อไทย เชื่อว่าถ้าเราชัดเจน คนกลุ่มนั้นจะกลับมาที่เพื่อไทย ขอให้เราชัดเจน ที่มันพยายามดิ้น และอธิบายให้ดูว่าเพื่อไทยเลว เพียงเพราะมันหวังต้องการแย่งฐานมวลชนจากเพื่อไทยเท่านั้น เพราะคำว่า ฝ่ายประธาธิปไตย ประโยคนี้มันก็เคลมได้แล้ว หลายคนในเข่งนั้น เพิ่งเรียนรู้การเป็นฝ่ายประธาธิปไตย เมื่อได้เป็น ส.ส นี่แหละ รูปเก่าในบ้านยังเก็บไม่หมดเลย ทรท.- พลังประชาชน-พท. นานเกินพอสำหรับเวทีการเมือง ผลงาน นโยบาย แข็งพอ ที่จะยืนได้ คุณประกาศรบกับพรรคการเมืองอายุ 80 ปี แต่ดูอ่อนน้อมเกินไปกับพรรคการเมืองอายุ 2 ปี”
ความจริงพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลแม้จะร่วมหอลงโลงเดียวกัน แต่ในทางการเมืองก็เรียกว่าขบเหลี่ยมกันอยู่ในที เพราะต่างก็เป็นพรรคที่มีฐานเสียงเดียวกัน คนกลุ่มเดียวกัน คนชอบพอสองพรรคจึงไม่ต่างกัน เปรียบไปก็เหมือนคู่ “พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์” ที่มีฐานใหญ่ในกรุงเทพฯและภาคใต้ฐานเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้เล่นการเมืองแบบสุดโต่งหรือทำการเมืองแบบสุดซอย ชนิดเสี่ยงเดิมพันอยู่เมืองไทยไม่ได้ ธงของพรรคเพื่อไทยชัดเจนไล่นายกฯได้เต็มที่ ล้มรัฐบาลได้เต็มเหนี่ยว แต่จะไม่เตะไม่ต้องไม่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของคนไทยส่วนใหญ่เสื่อมเสียมัวหมองเลย นอกจากนี้หลังๆจะเห็นได้ชัดว่าแฟนคลับแดงกับแฟนคลับส้มก็ใส่กันหนัก ฝ่ายเสื้อแดงก็บอกไม่เอาธนาธรเป็นนายกฯ ฝ่ายเสื้อส้มก็ไม่เชียร์ให้ทักษิณกลับมาเป็นนายกฯพระราชทาน เข้าทำนอง “มึงไม่เอากู กูก็ไม่เอามึง”
ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ประเมินชัดได้ไม่คุ้มเสีย นอกจากปลายทางจะไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว อนาคตหากไปหลงเหลี่ยมตามพรรคเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มีหวังสมาชิกอาจติดคุกติดตะรางกันหัวโต เส้นทางอาชีพนักการเมืองก็ดับวูบ หนักกว่านั้นหากซวยสุดๆอาจถึงขั้นไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ตัวอย่างพวกนักการเมืองสุดซอยสายส้มหวานก็เห็นกันอยู่แล้ว ไม่ชนะ ไปไม่รอด สุดท้ายก็ต้องอัปเปหิตัวไปอยู่ต่างประเทศ ตัวอย่างก็มีให้เห็นบานเบอะ บรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดิน แก่พรรษาในพรรคเพื่อไทยทุกคนทราบโจทย์เรื่องนี้ดี ต่อให้หลายเรื่องที่จะเห็นตรงเห็นคล้อยกับพรรคก้าวไกล แต่จะให้ตามหลังคบเด็กสร้างบ้านลุยเรื่องล้มเจ้าสุดซอย ไปเองเหอะ “กูไม่เอาด้วย”
ตัวอย่างของเรื่องนี้ก็เห็นชัด กรณีโหวตพระราชกำหนดโอนย้ายกำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพไปเป็นของหน่วยถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ส.ส.ก้าวไกลดับเครื่องชน พรรคเพื่อไทยขอนั่งเงียบๆ แก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคก้าวไกลประกาศรื้อล้างหมวดพระมหากษัตริย์แต่พรรคเพื่อไทยไม่ขอเตะต้อง ล้มเจ้ารื้อล้างสถาบันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับประเทศไทย คียืแมนพรรคเพื่อไทยทุกคนเข้าใจดี นายทักษิณ คุณหญิงอ้อ บรรดาแกนนำพรรคทั้งหมดก็รับทราบเข้าใจตรงกัน ออกหน้าชนตรงๆไม่เอา แต่ลับหลังอาจส่งเสบียงช่วยอันนั้นไม่แน่ เพราะเรื่องสถาบันเรื่องล้มเจ้าทุกคนตระหนักประจักษ์ดี อย่าเอาตัวไปเล่นกับไฟ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอม
/////////////////////