ปัจจุบันสลากในแอพเป๋าตังมี 17 ล้านใบ เลขสลากมีทั้งหมด 1 ล้านหมายเลข เริ่มจากตัวเลขศูนย์จำนวน 6 ตัวเรียงรันไป จนถึง 999999 จำนวน 1 ชุด เรานำสลากมาใส่ไว้ในแอพเป๋าตัง 17 ชุด ดังนั้นทุกเลขจะมีจำนวน 17 ใบ ซึ่งจะมีใบที่ถูกรางวัลครบชุด รางวัลที่ 2 จะมี 5 รางวัล รางวัลที่ 3 20 รางวัล รางวัลที่ 4 50 รางวัล และรางวัลที่ 5 จำนวน 100 ใบ
ส่วนประเด็นที่ “นอท กองสลากพลัส” มีการประชาสัมพันธ์ขายสลากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขัดกับที่สำนักงานสลากเคยออกมายืนยันว่า การจำหน่ายสลากไม่สามารถโฆษณาได้นั้น พ.ท.หนุน กล่าวว่า มีมติครม.เมื่อปี 2551 และปี 2549 ห้ามสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โฆษณาขายสลากทุกชนิด เนื่องจากเป็นการพนัน แต่หากมีการห้ามโฆษณาทั้งหมดเลยก็จะไม่ได้ความรู้และไม่ทราบผลของรางวัล ดังนั้นในปี 2551 จึงมีมติครม. ออกมาใหม่ โดยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลโฆษณาได้ เฉพาะเรื่องการให้ความรู้ประโยชน์กับประชาชน เช่น การถ่ายทอดสดการออกรางวัล หรือประชาสัมพันธ์ว่าตอนนี้มีสลากดิจิทัล แต่ห้ามโฆษณาประชาสัมพันธ์ในเรื่องการจูงใจให้ซื้อ เพราะเป็นการพนัน ในเมื่อห้ามหน่วยงานของรัฐ และมีมติครม.ระบุชัดเจนว่า เป็นการพนันเพราะอยากให้คนไทยได้ลดละเลิกการเล่นการพนัน ดังนั้นก็ลองพิจารณาดูเอาเองแล้วกันว่าหน่วยงานของรัฐที่เป็นคนกำกับในเรื่องการให้มีโฆษณาต่างๆควรจะอนุญาตให้มีการโฆษณาเรื่องการพนันได้หรือไม่
ส่วนกรณีกองสลากพลัส มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ จะเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า กฎหมายไม่ได้ระบุชัดเจน คงต้องไปถามผู้ที่ถือกฎหมายเรื่องการพนัน ส่วนตนในมุมมองของสินค้าที่เป็นสลากซึ่งสำนักงานสลากถูกห้ามโฆษณาในเรื่องการจูงใจในการซื้อมันก็ไม่ควรจะโฆษณาเพราะเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน เพราะตามมติครม. ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน ควรจะใช้บรรทัดฐานเดียวกัน
ผอ. สำนักงานสลากกล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่โฆษณาขายสลากตามสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ สำนักงานสลากไม่มีอำนาจ เราทำได้เพียงทำหนังสือประสานไปยังหน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่มีหน้าที่ในการควบคุม หรือผู้ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลการโฆษณา ตนเชื่อว่าหน่วยงานอื่นๆอาจจะยังไม่ทราบแต่ตอนนี้คาดว่า น่าจะทราบแล้วเพราะทางสำนักงานสลากได้ทำหนังสือไปแจ้งแล้วตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เมื่อทราบแล้วก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ
พ.ท.หนุน ยังกล่าวยืนยันเหมือนเดิมว่า การขายสลากเกินราคา 80 บาทเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ตามพ.ร.บ.สลากเขียนอย่างชัดเจนว่าสัดส่วนในการขายสลาก 100% แบ่งออกเป็น 60% เป็นเงินรางวัล ส่วน 23% เข้ารัฐบาล อีก 17% เป็นการดำเนินการ (โดยใน 17% ถูกแบ่งออกอีก 3%ในส่วนของสำนักงานสลากดำเนินการ 14% เป็นของตัวแทน) ซึ่งกฎหมายบอกชัดเจนแล้วว่าตัวแทนขายจะได้กำไรเพียง 14% ซึ่งจะไปเอากำไรเกินไปกว่านี้ไม่ได้ จะเข้าข่ายผิดกฎหมาย โดยการที่บางแพลตฟอร์มไปรับซื้อสลากมาจากที่ต่างๆ ในราคาที่เกินกว่า 80 บาทแล้วนำมาขายโดยบวกค่าดำเนินการ และนำมาขายต่อในราคาที่สูง แล้วมาเลี่ยงบาลีขาย ก็จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 39 ในพ.ร.บ.สลาก ที่มีข้อห้ามขายสลากเกินราคา 80 บาท ซึ่งเราได้ดำเนินการร้องทุกข์ โดยการไปดำเนินการล่อซื้อสลาก เพื่อนำเป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ หากใครตรวจพบเห็นก็สามารถไปร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ท้ายที่สุดแล้วการเปรียบเทียบปรับเป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานสลากไม่สามารถไปเปรียบเทียบปรับได้
พ.ท.หนุน ยืนยันว่า เราได้ร้องทุกข์ไปทุกงวดและทุกแพลตฟอร์ม ของผู้ที่มีการขายสลากเกินราคา เราได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว แต่ขอบอำนาจของเราก็มีจำกัด ต้องขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ให้อำนาจหน้าที่เราในการเชิญหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมหารือ หากไม่มีการสั่งการจากนายกฯ ตนก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะตนถือกฎหมายอยู่เพียง 3 ข้อ คือการจำหน่ายเกินราคาการขายสลากให้กับเด็กและเยาวชน และการขายในสถานที่ศึกษา และยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้นทั้ง 3 ข้อนี้ตนไม่สามารถไปดำเนินการได้ด้วยตนเอง ปรับได้ด้วยตนเอง แต่ต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ไปดำเนินการ
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า เหตุใดทางสำนักงานสลากฯ จึงไม่ไปสืบสวนขยายผลต่อว่าในงวดนั้นๆกองสลากพลัสมีการจำหน่ายสลากที่เกินราคาเป็นจำนวนหลายล้านใบ เทียบปรับเพียงแค่ 6,000 บาท ผอ. สำนักงานสลากกล่าวว่า หลังจากเราได้บูรณาการความร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตำรวจ ที่เล็งเห็นว่า การขายสลากแพงในงวดนั้นมีจำนวนมากหลายใบกับโทษที่ที่ยังไม่มีความสมดุล ซึ่งต้องขอขอบคุณพล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่กำลังจะดำเนินการขยายผลดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ค้าสลากเกินราคาทั้งระบบ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดอาญาแผ่นดินซึ่ง ตำรวจสามารถดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้อง หากพบเห็นก็สามารถดำเนินการได้เลย เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน และตอนนี้ ก็อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกันกับทางตำรวจในประเด็นในการเพิ่มโทษปรับการขายสลากเกินราคาที่มากกว่าจำนวน 1 ใบเพราะในงวดนั้นๆได้มีการขายไปจำนวนหลายล้านใบ
นอกจากนี้ผอ.ยังเล่าด้วยว่าทาง “นอท กองสลากพลัส” ปัจจุบันยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหา หรือมาเสียค่าปรับแล้ว หลังจากที่ทางสำนักงานสลากได้มีการแจ้งร้องทุกข์ พบการขายสลากแพงในแต่ละงวด กลับมาอ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ ซึ่งก็สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นเรื่องของสิทธิโดยชอบตามกฎหมาย ซึ่งก็ต้องไปจบที่ชั้นศาลต่อไป
ส่วนกรณีที่มีผู้นำสลากไปขายต่อให้กับ “นอท กองสลากพลัส” ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรอส่งมอบสลากจากกองสลากพลัส ภายหลังจากวันที่ 20 เนื่องจากเป็นสลากของงวดวันที่ 17 ที่เพิ่งออกสลากไปเมื่อวานนี้ ซึ่งก็ต้องให้ผู้ถูกรางวัลไปก่อน หลังจากได้หลักฐาน เราก็จะพิสูจน์ว่าจำนวนสลากที่ขายมีอยู่จริง รวมไปถึงว่าเป็นโควต้าสลากของใคร ยืนยันว่าการเข้าไปตรวจสลากเราไม่ได้ต้องการจะไปตัดโควตาใครแต่เราจะเข้าไปดูว่ามีสลากขายจริงหรือไม่ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ ในการยกเลิกโควต้าไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือนิติบุคคลหรือองค์กรต่างๆจะดำเนินการยกเลิกตัดสิทธิ์โควต้าทั้งหมด ซึ่งต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการ คาดว่าเร็วสุดในวันที่ 1 มีนาคม หรือ 16 มีนาคม กลุ่มคนเหล่านี้จะหมดสิทธิ์โควต้าโดยทันที โดยสิทธิ์โควต้าสลากเหล่านี้จะถูกโยนกลับเข้าระบบซื้อจอง
สำหรับผู้ที่ได้รับโควต้าแต่ไม่อยากไปขายเองนั้นก็สามารถนำกลับเข้ามาขายให้กับทางสำนักสลากฯ เพื่อขายในแอพเป๋าตังได้ เพราะเราเคยเปิดให้กับสิทธิ์ตัวแทนของเราก่อน ตอนนี้การตอบรับในแอพเป๋าตังค์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ในราคา 80 บาท ซึ่งทางสำนักงานสลากจะมีแผนเปิดให้ตัวแทนได้เข้ามาร่วมขายในแอพเป๋าตัง ภายในเร็วๆนี้ ตนเชื่อว่าการตัดสิทธิ์โควต้าในครั้งนี้จะได้ลอตใหญ่กลับมา และยังบอกด้วยว่าหากพบการกระทำผิดซ้ำซากในการนำไปจำหน่ายให้กับแพลตฟอร์มออนไลน์ทางสำนักงานสลากจะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบยังแพลตฟอร์มอื่นๆอีกบ่อยครั้ง