No data was found

“ดร.ไตรรงค์” เล่าความจริงชีวิต”ป๋าเปรม” สวนปากครูสาวใส่ร้าย ฉะเดือด แม่พิมพ์ไร้สำนึก ทำอนาคตเด็กไทยมืดบอด

กดติดตาม TOP NEWS

ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า #อนาคตเด็กไทยมืดบอด #แม่พิมพ์ไทย #ไร้การสั่งสอน #ไร้สามัญสำนึก

ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า #อนาคตเด็กไทยมืดบอด #แม่พิมพ์ไทย #ไร้การสั่งสอน #ไร้สามัญสำนึก วันนี้ผมอยากขยายความหมายของคำว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน” ครับ

ช่วงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจอย่างหนาหู ที่มีคลิปครูผู้หญิงคนหนึ่งในโรงเรียนหนึ่ง ได้ใช้บทบาทการเป็นครูบาอาจารย์ในทางที่ไม่ควร บิดเบือนประวัติศาสตร์อย่างไม่มีสามัญสำนึก บังอาจสอนนักเรียนให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญของความเป็นคนดีอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษของประเทศไทย

คนเป็นครูนั้น ควรตระหนักน้ำหนักของบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของตน ว่าเป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ เป็นสิ่งที่น่ากังวลใจมากครับที่ระบบการศึกษาของไทยหละหลวมให้คนเช่นนี้มาปลุกปั้น ปลูกฝัง แนวคิดผิดๆ ให้ลูก ให้หลาน เราได้อย่างไร

#ผมขอสร้างความกระจ่าง ผมเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิด เข้าออกนอกในบ้านสี่เสาเทเวศร์ตั้งแต่เมื่อครั้งท่านดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะท่านเป็นคนเชิญให้ผมไปสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ให้กับท่านเป็นการส่วนตัวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ และหลังจากท่านได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมก็กลายเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกรัฐบาล และโฆษกส่วนตัวให้กับท่าน จึงมีโอกาสมากกว่าใคร ๆ ในการเข้าออกนอกในของบ้านสี่เสาเทเวศร์

 

พิธีกรชื่อดัง จับตา 'ดร.ไตรรงค์' กราบลาพระแม่ธรณี ไปร่วมสร้างชาติ!

ข่าวที่น่าสนใจ

ดร.ไตรรงค์กับป๋าเปรม

 

 

ผมรู้จักทหารทุกคนที่อยู่รับใช้ พล.อ.เปรม ตั้งแต่สมัยท่านเป็น ผบ.ทบ.ตลอดเวลามากกว่า 8 ปีที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทหาร ตำรวจ ทุกคนที่ท่านเลือกให้ไปรับใช้อารักขาและช่วยงานด้านการเมืองการปกครองล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์กันทุกคน

พล.อ.เปรม จะไม่ชอบคนที่ไม่สะอาด (เช่นไม่โกนหนวดโกนเครา) และแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะและต้องมีมารยาทที่คนซึ่งได้สัมผัสจะไม่รู้สึกว่าน่ารังเกียจ เช่น ไม่สะอาด พูดจาไม่ไพเราะ มารยาทการกินอยู่ไม่สุภาพ ไร้คุณสมบัติความเป็นผู้ดี ทหาร ตำรวจ เหล่านั้นแม้จะไม่หล่อลากดินอย่างดาราหนัง แต่ก็สะอาดและมีปัญญาน่ายกย่อง เช่น พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฎฐ์ พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย และลูกหลานของ พล.ต.ต.มรว.เจตจันทร์ ประวิตร เป็นต้น

ย้อนไปเมื่อท่านเป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. ท่านเคยพบรักกับสาวสวยตระกูลดีมีฐานะคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงพิมพา สุนทรางกูร) ทั้งคู่รักกันมากสัญญาว่าเรียนจบเมื่อไรก็จะแต่งงานกัน แต่เมื่อเรียนจบพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยินดีให้ลูกสาวแต่งงานกับนายทหารที่มีฐานะครอบครัวห่างกันมาก ฝ่ายหญิงจึงถูกจับให้แต่งงานกับชายที่อยู่ในฐานะของสังคมในชนชั้นเดียวกัน นายร้อยเปรมได้แต่เสียใจเสียดายแต่ก็เข้าใจผู้หญิงของท่านดี ท่านไม่ตำหนิแต่สัญญาว่าชีวิตนี้จะรักเธอเพียงคนเดียวจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงอื่นไม่ว่าจะสวยเลิศฟ้ามาดินหรือมีฐานะทางสังคมสูงเช่นใด

พล.อ.เปรม เป็นคนพูดจริงทำจริงรักเดียวใจเดียวเหมือนอย่างที่ท่านเคยลั่นวาจาว่าจะรัก “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเกิดเป็นคนต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ท่านก็ปฏิบัติให้เห็นแล้วเป็นประจักษ์ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาชาติให้เป็นปึกแผ่น รักษาศาสนาทุกศาสนาให้เป็นหลักในการชี้ทางธรรมให้แก่คนไทย และพร้อมจะตายเสมอถ้าใครจาบจ้วงและมุ่งทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นจุดศูนย์รวมของประชาชนทุกชนเผ่าที่เป็นประชากรของประเทศไทย

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

 

เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ตอนเป็นพันเอกท่านเป็นผู้การ ม.พัน 4 (กรมที่มีรถถังใหญ่และมีอานุภาพมากที่สุดของกองทัพ) ทหารที่คอยขับรถให้กับท่านในขณะนั้นชื่อ ร.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งตอนหลังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพลตรีสมัย พล.อ.ชาติชาย เป็นนายกรัฐมนตรี พลตรีสนั่นซึ่งมีความสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษได้เล่าให้ผมฟังว่า พล.อ.เปรม ไม่เคยยุ่งเกี่ยวใดๆ ที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์คงเป็นคนที่ยึดมั่นวาจาสัตย์ว่าจะรักเดียวใจเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้ท่านอกหัก

#ความจริงที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ครับ นอกเหนือจากนี้ล้วนเป็นความเท็จที่ผู้ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์พยายามบิดเบือนใส่ความชั่วร้ายให้กับ พล.อ.เปรม (คนดีของประเทศ) ก็เพื่อปลูกฝังความเกลียดชังให้กับสถาบันฯ ว่าเลือกคนและเลือกใช้แต่คนที่ไม่ดีไม่มีคุณธรรมและไม่มีศีลธรรม

คนเป็นครู ต้องตระหนักว่าตนต้องไม่เอาทัศนคติส่วนตัวมาใช้ในการสั่งสอน แต่ควรยึดมั่นในหลักกา และหลักความเป็นจริง ที่มีหลักฐาน เชื่อถือได้ เด็กๆ เขากำลังสร้างความเข้าใจ สร้างทัศนคติที่เขามีต่อโลกอยู่ครับ อย่าทำร้ายพวกเขาด้วยการใส่ข้อมูลผิด ๆ เลยครับ

ถ้าคนเป็นครูที่มีอคติเพราะได้รับข่าวสารมาผิด ๆ แล้วนำความคิดอคติหรือมิจฉาทิฎฐินั้นมาสอนเด็กๆ เด็กเหล่านั้นโตขึ้นมาก็จะเป็นภัยกับความมั่นคงของประเทศอย่างแน่นอน

ผมเป็นครูแต่เขาเรียกอาจารย์สอนที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอายุราชการ 16 ปี (พ.ศ. 2510 – 2526) สอนนักศึกษาตั้งแต่ปีที่ 1 ถึงปริญญาโท ผมสำนึกตลอดในการไม่สอนนักเรียนของผมให้มีอคติใดๆ ตามความเชื่อส่วนตัวของผมเอง เพราะผมรู้สึกว่าการเป็นครูสอนคนมันเป็นอาชีพครึ่งพระครึ่งข้าราชการ อาจารย์หรือครูที่ดีจึงควรมีความซาบซึ้งพอสมควรกับศีลธรรมอันดีของทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ เพราะทุกศาสนาล้วนสอนให้คนละเว้นทำชั่วไม่เบียดเบียนคนอื่น

ทั้งทางกาย วาจา และใจ และสอนให้ทุกคนพยายามทำความดี (สุจริต 3) คือ ทำดีทั้งทางกาย (เช่นไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน เป็นต้น) ทำดีทางวาจา (คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดใส่ร้ายผู้อื่น ไม่พูดให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในสิ่งที่ควรจะเป็น และสิ่งที่ได้เป็นจริงไปแล้วในอดีต) ทำดีทางมโน (คือ มีจิตใจไม่อาฆาตมาดร้ายคอยสาปแช่งผู้อื่นให้ประสบความหายนะทั้งทางอาชีพและเกียรติยศชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลและรวมทั้งการสาปแช่งให้ผู้ใดป่วยหรือมีชีวิตสั้น เป็นต้น)

ธรรมะเหล่านี้จะถูกปลูกฝังในตัวเด็กๆ ได้ในชั้นแรกก็โดยการสั่งสอนอบรมของพ่อแม่ของครูบาอาจารย์ เอาเฉพาะพ่อแม่ย่อมมีความสำคัญมากกว่าครู เพราะอยู่ใกล้ชิดกับลูกมากกว่าครู ผู้ใหญ่ที่โตขึ้นมาจนมีอาชีพหลักเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นครูหรือเป็นอะไรก็ตามจะเป็นคนที่มีจิตใจสูงปกคลุมด้วยธรรมะได้ต้องเป็นเด็กที่พ่อแม่เคยสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ๆ

แต่เด็กบางคน #โคตรพ่อโคตรแม่ไม่สั่งสอน พ่อแม่ไม่สอนธรรมะก็เพราะพ่อแม่เองก็เป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่พ่อแม่ไม่มีธรรมะก็เป็นเพราะปู่ย่าตายายเป็นคนไม่มีธรรมะ เหตุที่ปู่ย่าตายายไม่มีธรรมะก็เพราะทวดทั้งฝ่ายพ่อฝ่ายแม่ไม่มีธรรมะ และเราสามารถจะอธิบายเช่นนี้สืบต่อค้นไปจนถึงต้นตระกูลของพวกมันเหล่านี้ คนที่ไม่มีธรรมะเช่นนี้ ภาษาไทยเดิมเขาเรียกว่า “เป็นคนที่โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่ได้อบรมสั่งสอน มันจึงเลวอย่างที่เห็น หาดูได้ไม่ยากทั้งในวงการราชการและวงการการเมืองของไทย”

ถ้าเป็นทางฝ่ายข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาใดพบเห็นลูกน้องที่มีพฤติกรรม “ไร้ธรรมะ” เช่นนี้ ต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการคนอื่น ๆ ถ้าผู้บังคับบัญชาพบเห็นแล้วเฉยๆเสียก็แสดงว่าผู้บังคับบัญชาเหล่านั้นก็น่าจะเป็นคนที่ “โคตรพ่อโคตรแม่ไม่ได้สั่งสอนพวกมันมาเช่นเดียวกัน”

พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่าการให้ธรรมทานร้อยครั้งก็ได้บุญน้อยกว่าให้อภัยทานเพียงหนึ่งครั้งเพราะอภัยทานจะเกิดได้ก็แต่เฉพาะกับคนที่เข้าถึงปรมัตถบารมีซึ่งเป็นผู้อยู่ใกล้พระนิพพานมากที่สุด

ผมให้อภัยทานแค่ครึ่งเดียวต่อผู้ใส่ร้าย พล.อ.เปรมและสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะผมยังอยู่ห่างไกลจากพระนิพพานมากอยู่เหมือนกันครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นายกฯ" ยันให้เกียรติแบงก์ชาติ ไม่มีปัญหาคิดต่างปมลดดอกเบี้ย เชื่อ "อุ๊งอิ๊ง" วิจารณ์ธปท.ฟังจากเสียงปชช.
น้ำตก ‘เต๋อเทียน’ ที่พรมแดนจีน-เวียดนาม สวยตรึงใจ
เมียนมา ร้อนจัดทำผู้เสียชีวิตกว่าสิบคนทุกวัน
โซเชียลซัดเละ “ส.ศิวรักษ์” ดีเบต 2475 เน้นความเชื่อ ไร้ข้อมูล กล้ายกตัวเองเป็นปัญญาชนสยาม
อินโดนีเซีย เผชิญโคลนถล่มและน้ำท่วมครั้งใหญ่
รัสเซีย ขึ้นบัญชีผู้นำยูเครนเป็นอาชญากรที่ถูกหมายหัว
โซเชียลแซวยับ "พิธา" นำทีมก้าวไกล ร่วมงานสโมสรสันนิบาต ชีวิตสวนทางติ่งส้มหมิ่น จาบจ้วง สถาบันฯต้องนอนคุก
"อัษฎางค์" ย้อนชีวิต "โน้ส อุดม" โอดเป็นศิลปินไส้แห้ง วันนี้ด้อยค่า "พอเพียง" แขวะคนรุ่นเก่า ใช้การบูลลี่หากิน
คึกคัก ชาววังสะพุงสืบสานงานประเพณี แห่ต้นดอกไม้เครื่อง
ผู้ตรวจฯเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องแจงเลือกสว.ส่อขัดรธน. หลัง "ทนายธีรยุทธ" ยื่นขอให้ชงศาลรธน.วินิจฉัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น