นี่คือเหตุการณ์ของหนุ่มใหญ่วัยประมาณ 60 ปี ที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปซื้อของตลาดในช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. ได้ถูกรถพ่วง 18 ล้อ เฉี่ยวชนจนล้มคว่ำอยู่กลางถนนมหาจักรพรรดิ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา จนได้รับบาดเจ็บ ส่วนรถคู่กรีคันก่อเหตุได้หลบหนีไปในทันที ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้เพราะมีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ และ รถสิบล้อ กว่า 100 คันต่อชั่วโมง ได้ลักลอบเข้ามาวิ่งภายในตัวเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อหลบเส้นทางสายเลี่ยงเมืองที่กำลังขยายถนน ทั้งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการติดป้ายห้ามรถพ่วง รถสิบล้อ เข้ามาวิ่งภายในตัวเมือง เพื่อข้ามสะพานเฉลิมพระเกียรติ (สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง) ในทุกช่วงเวลา
ซึ่งรถพ่วงส่วนใหญ่ก็จะปฏิบัติตามในช่วงเวลากลางวัน แต่พอตกกลางคืนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรหยุดปฏิบัติหน้าที่ รถพ่วงรถสิบล้อเหล่านี้ก็จะอาศัยจังหวะดังกล่าวลักลอบเข้ามาวิ่งอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย มิหนำซ้ำยังวิ่งวิ่งกันด้วยความเร็ว โดยไม่คำนึกถึงรถเล็ก และจะบีบแตรลมเสียงดังเพื่อไล่รถเล็กที่วิ่งกรีดขวางเส้นทาง ทำให้ชาวบ้าน ร้านค้า และผู้ที่อาศัยติดริมถนนต่างได้รับความเดือดร้อน จากพื้นถนนที่มีการสั่นสะเทือนของรถบรรทุกหนักที่วิ่ง และยังมีเสียงแตรลมที่สร้างความตกใจ จนตอนนี้บ้านเรือนประชาชนเริ่มที่จะมีรอยแตกร้าวของบ้านเรือนที่อยู่ติดริมถนน ส่วนพื้นถนนก็เริ่มชำรุดเสียหาย
โดยเฉพาะช่วงที่เป็นทางโค้งก่อนขึ้นสะพานหรือลงจากสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ชาวบ้านจึงอยากฝากถึงผู้มีอำนาจแก้ไขและจับกุมให้จริงจัง ในฐานะที่เป็นจังหวัด EEC เพราะที่ผ่านมาจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีศักยภาพในการจัดหากล้อง CCTV เพื่อออกใบสั่งหรือจับกุมผู้กระทำผิดได้เลย โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน โดยที่ชาวบ้านพบเห็นมากที่สุดคือช่วงเวลา 05.00-06.00 น. รับ 100 คันต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
ก้องเกียรติ พุทธิรังสิมาภรณ์ ผู้สื่อข่าว ประจำ จ.ฉะเชิงเทรา