“ประชาธิปัตย์” ย้ำจุดยืน ต่อต้านการทุจริต คอรัปชั่น

ประชาธิปัตย์ เปิดเสวนา “ฟัง-คิด-ทำ ถึงเวลาหยุดคนโกง หยุดงบประมาณรั่วไหล” ย้ำจุดยืนต่อต้านคอร์รัปชัน ด้าน"สาทิตย์" ชี้ ความน่ากลัวการทุจริตคอร์รัปชั่น คือ "เรื่องของเมกกะโปรเจค"

วันที่ 9 ธ.ค. 65 ที่ลานกิจกรรมสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี พรรคประชาธิปัตย์จัดกิจกรรม “ฟัง-คิด-ทำ : ถึงเวลาหยุดคนโกง หยุดงบประมาณรั่วไหล” เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล โดยมีการเปิดเสวนามุมมองจากภาควิชาการ การเมือง และภาคธุรกิจ

โดย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าประเทศไทยจะมีเหตุการณ์สำคัญ คือ การนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2566 กิจกรรมฟังคิดทำจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อนจะนำไปสู่กระบวนการตกผลึกจัดทำเป็นนโยบาย และวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญคือเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ซึ่งบทบาทในการต่อต้านการคอร์รัปชันถือว่าเป็นบทบาทที่สำคัญบทบาทของพรรคการเมือง และวันนี้เห็นได้ชัดว่า ประชาชนมองว่าประเทศไทยยังอยู่ในหลุมดำของการทุจริตคอร์รัปชัน และปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญให้หลายประเทศไม่สามารถพัฒนาได้ คือปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นวันนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความตั้งใจและจะแสดงให้เห็นว่าเอาจริงเอาจังในการปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและให้ความสำคัญกับเรื่องของการทำงานอย่างโปร่งใสของภาครัฐ เพื่อยกระดับของประเทศ

ด้าน ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้รู้สึกเซอร์ไพร์ส ซึ่งตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ตนเคลื่อนไหวเรื่องการต่อต้านการคอร์รัปชัน น่าจะเป็นครั้งแรกที่พรรคการเมืองจัดเวทีแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่กล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชัน ส่วนหัวของปัญหาคือภาคของการเมือง เพราะภาคการเมืองมีอำนาจในการกำหนดนโยบายสาธารณะ มีอำนาจกำหนดงบประมาณ รวมถึงการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ทุกวันนี้ประเทศไทยมีแผนงานด้านการต่อต้านการคอร์รัปชันจำนวนมาก แต่ไม่มีการปฏิบัติจริง อีกทั้งรากฐานของการคอร์รัปชันที่เอาชนะไม่ได้คือการทำอะไรแล้วไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้อีกปัจจัยสำคัญของการคอร์รัปชัน คือ วัฒนธรรมในระบบราชการ ที่ยังชินชากับการคอรัปชัน การรับส่วย รับสินบน

ส่วน ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มองว่า การทุจริตคอร์รัปชันขึ้นอยู่กับการผูกขาดธุรกิจและการเมือง การใช่ดุลพินิจของระบบราชการและการเมืองในการตัดสินใจทำนโยบายต่างๆ ซึ่งการจะทำให้การคอร์รัปชันลดลงคือต้องมีองค์กรอิสระขึ้นมาตรวจสอบ โดยประเทศไทยมีองค์กรในการตรวจสอบจำนวนมาก แต่มีประสิทธิภาพหรือไม่ สามารถดูได้จากการจัดอันดับของหน่วยงานนานาชาติ จะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทย อยู่ในระดับต่ำลง ดังนั้นจะเห็นว่ากลไกองค์กรอิสระของประเทศไทยจึงอาจจะยังมีปัญหาอยู่ เพราะการจัดอันดับของแระเทศไทยค่อนข้างได้คะแนนน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้ต่ำสุด ซึ่งแผนนโยบายของชาติต้องการทำให้ดีขึ้น แต่ยังทำไม่ได้ การเพิ่มคะแนนเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก โดยอาจจะต้องใช้กลไกหรือองค์ประกอบของต่างประเทศในส่วนที่จำเป็นมาประยุกต์ เช่น กรณีไต้หวัน ที่มีการทำแพตฟอร์มร่วมกันภาคเอกชน ภาคประชาชนในการเปิดเผยข้อมูล ดังนั้นจึงมองว่าใช้ระบบดิจิตอลมาช่วยในการจัดการข้อมูลจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ระดับการทุจริตลดลงได้

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส. ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ต้องยอมรับว่านักการเมืองโอกาสก็จะเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณ และเรื่องของอำนาจ แต่ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองก็เป็นฝ่ายที่จะตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันเช่นกัน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยทำมาในอดีตที่เห็นได้ชัด เช่น การตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และเมื่อถามว่าเรื่องทุจริตคอร์รัปชันลดลงหรือไม่ จากข้อเท็จจริงต้องตอบว่าไม่ลดลง ตนเป็น ส.ส.มา 7 สมัยตั้งแต่ปี 38 ผ่านรัฐบาลมา 10 รัฐบาล ผ่านการรัฐประหาร 2 รอบ ตนมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันมีวิวัฒนาการ ซึ่งหากย้อนไปดูในยุคก่อนเดิมทีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดจากการรวมอำนาจไว้ที่คนใดคนหนึ่ง แล้วให้สัมปทาน หรืออนุญาต ซึ่งก็จะแปรสภาพไปเป็นการคอร์รัปชันได้ แต่เมื่อมีการสร้างเครื่องมือขึ้นมาเพื่อไปคานกับการรวมศูนย์ การทุจริตคอร์รัปชันจึงมีการวิวัฒนาการ เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและยากที่ประชาชนจะสามารถติดตามตรวจสอบได้ และ ปัจจุบันการคอร์รัปชันก็ได้มีวิวัฒนาการไปอีก เพราะตนมองว่าการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะจำกัดความอย่างไรก็ตาม แต่การคอร์รัปชันเป็นเรื่องของการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งคนที่ยอมจ่ายและคนที่ยอมรับ จึงทำให้จึงทำให้ยากที่จะมีคนออกมาพูด ยกเว้นว่าจะมีคนเสียประโยชน์

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ความน่ากลัวของการทุจริตคอร์รัปชัน คือ เรื่องของเมกกะโปรเจค โดยเฉพาะเรื่องของการจัดทำราคา และนำไปสู่การฮั้วประมูล ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายฮั้วมานาน แต่ที่ผ่านมาแทบไม่เห็นว่ามีคดีเกี่ยวกับการฮั้วถูกฟ้อง และอีกกรณีที่ต้องจับตามอง คือ กรณีตู้ห่าว ที่เป็นอีกหนึ่งที่ต้องจับตามองในการเลือกตั้งครั้งหน้าเมื่อประเทศไทยเปลี่ยนมาเป็นประชาธิปไตยเงินสด ตั้งแต่การเลือกตั้งท้องถิ่น จนถึงระดับประเทศ เพราะกรณีตู้ห่าวสัมพันธ์ทั้งเรื่องของยาเสพติด เรื่องของบ่อนพนัน มีการสมคบกับระบบราขการ ระบบการเมือง มีวงเงินหมุนเสียนจำนวนมาก โดยเป็นเงินสีเทาและสีดำ ดังนั้นเมื่อเป็นประชาธิปไตยเงินสด เงินสีเทากับเงินสีดำเหล่านี้จะไปไหน และที่ผ่านมาเราไม่เคยเจอ กกต. จับกรณีทุจริตซื้อเสียงได้ชัดเจน บางกรณีกว่าจะขึ้นศาลตัดสินได้ กว่าจะเลือกตั้งซ่อมได้ผ่านไปหลายปี

อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราเซนซิทีฟกับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมาก และมองว่าเจตจำนงความมั่นคงแน่วแน่ของผู้นำเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อมีข้อสงสัยว่าจะเกิดการทุจริตในโครงการใด การตัดสินใจของผู้นำเป็นสิ่งที่จำเป็น และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการตรวจสอบ ป.ป.ช. เพราะที่ผ่านมาองค์กรอิสระมีข้อครหาว่ามาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ อีกทั้งยังเคยถูกยกขึ้นเป็นเงื่อนไงในการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วย แต่ก็น่าเสียดายร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขฉบับดังกล่าวถูกรัฐสภาตีตกไป แต่อย่างไรก็ตามพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระแก้ว ทหารจับแก๊งบัญชีม้าคนไทย 3 ราย ขณะลักลอบ ไปและกลับ จากกัมพูชา
ปฏิบัติการเชิงรุก! เจ้าหน้าที่เขาสอยดาวทำงานไม่หยุด เพื่อสมดุลธรรมชาติผลักดันช้างป่ากับคืนถิ่น
เปิดใจเด็กหญิงในภาพ ที่ถวายมาลัยกร “พระพันปีหลวง” เมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา
หนุ่มขี่ จยย.ชนท้ายรถยนต์กระบะที่จอดติดไฟแดง บาดเจ็บ
"เจ้าคณะตำบลเขาสามยอด" ขีดเส้น 30 ขอ "หลวงพ่ออลงกต" เร่งชี้แจงปม "ที่ดิน" รีบจัดการโอนกรรมสิทธิ์คืนให้วัด
ปราบสายแว้นท่อดัง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​